ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แจ้งให้รัฐสภาสหรัฐฯ รับทราบเมื่อวันจันทร์ว่า จะยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติสองฉบับว่าด้วยการรับมือการระบาดของโควิด-19 ในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ หลังจากเริ่มใช้คำประกาศดังกล่าวเมื่อเกือบสามปีก่อน
การยุติภาวะฉุกเฉินแห่งชาติและภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขนี้จะมีผลให้โครงสร้างการทำงานเพื่อรับมือการระบาดของโคโรนาไวรัสที่รัฐบาลสหรัฐฯ นำมาใช้ กลับคืนสู่ปกติ
นั่นหมายความว่า โครงการและมาตรการฉุกเฉินต่าง ๆ ต้องยุติลงไปด้วย รวมถึงประกันสุขภาพสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 โครงการฉีดวัคซีนโควิดและการให้งบประมาณสำหรับการพัฒนาวัคซีนแก่บริษัทเอกชน ตลอดจนการให้เงินบรรเทาทุกข์และสวัสดิการต่าง ๆ แก่ประชาชนในช่วงที่มีการระบาดใหญ่
ในสัปดาห์นี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เสนอให้มีการยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินทันที ในขณะที่พรรครีพับลิกันกำลังเร่งให้มีการสืบสวนรัฐบาลกลางเรื่องการรับมือการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ประกาศให้การระบาดของโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2020 และได้มีการใช้ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยของประธานาธิบดีไบเดน และจะหมดอายุลงในอีกไม่กี่เดือน
ที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ปฏิเสธให้งบประมาณเพิ่มแก่รัฐบาลไบเดน สำหรับใช้ในโครงการตรวจหาเชื้อและฉีดวัคซีนโควิดฟรี ซึ่งหมายความว่า เมื่อภาวะฉุกเฉินนี้สิ้นสุดลง ราคาวัคซีนโควิด-19 อาจพุ่งสูงขึ้นมากเพราะไม่มีการอุดหนุนจากรัฐบาล
ตัวอย่างเช่น บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) เผยว่า อาจคิดค่าวัคซีนโควิดโดสละ 130 ดอลลาร์ ซึ่งประชาชนอเมริกันที่ไม่มีประกันสุขภาพต้องจ่ายเองในส่วนนี้ ขณะที่ ผู้ที่มีประกันสุขภาพก็อาจต้องจ่ายเงินสมทบเองส่วนหนึ่งเป็นค่าวัคซีน ค่าตรวจหาเชื้อและค่ารักษาโควิด-19
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวได้พิจารณายุติการประกาศภาวะฉุกเฉินตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ได้ชะลอไว้เนื่องจากกังวลว่า อาจเกิดการระบาดรอบใหม่ในช่วงฤดูหนาว และเพื่อให้บรรดาผู้ให้บริการทางการแพทย์ บริษัทประกันและประชาชนทั่วไปได้มีเวลาปรับตัว
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี เผยว่า มีคนอเมริกันมากกว่า 1.1 ล้านคนเสียชีวิตจากโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2020 ในจำนวนนี้ 3,700 คนเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- ที่มา: เอพี