ในการแถลงประจำปี State of the Union ในคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมผลักดันประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่การเพิ่มภาษีมหาเศรษฐี ไปจนถึงภาษีต่อการซื้อหุ้นคืนของบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้เอื้อต่อคนร่ำรวยน้อยลง
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้น้อยที่นโยบายเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง เนื่องจากสภาคองเกรสต้องผ่านกฎหมายเพื่อสนับสนุน และสภาล่างในขณะนี้ถูกควบคุมโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งมีนโยบายลดเงินอุดหนุนหน่วยงานสรรพากรสหรัฐฯ และอาจผลักดันให้มีการลดภาษีเพิ่มอีก ซึ่งเป็นนโยบายตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เอื้อประโยชน์ต่อคนร่ำรวย
รอยเตอร์รวบรวมนโยบายที่ไบเดนเตรียมแถลง ตามการเปิดเผยของทำเนียบขาวก่อนหน้านี้
เพิ่มภาษีสี่เท่าสำหรับการซื้อหุ้นคืนของบริษัท
ก่อนหน้านี้ ปธน. ไบเดน ลงนามในกฎหมายคิดภาษี 1% สำหรับการซื้อหุ้นคืนของบริษัท โดยทำเนียบขาวกล่าวว่า กฎหมายนี้ “กระตุ้นให้ภาคธุรกิจลงทุนในการเติบโตและการเพิ่มผลผลิต” และคาดว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะเรียกร้องให้มีการเพิ่มภาษีดังกล่าวขึ้นสี่เท่าในการแถลงครั้งนี้
กำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำสำหรับมหาเศรษฐี
ทำเนียบขาวเผยว่า บรรดามหาเศรษฐีในสหรัฐฯ จ่ายภาษีโดยเฉลี่ย 8% ของรายได้ และ ปธน. ไบเดนจะเรียกร้องการเก็บภาษีเพื่อ “ให้มั่นใจว่าชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดจะไม่จ่ายอัตราภาษีต่ำกว่าครูและนักดับเพลิงอีกต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยังไม่ลงรายละเอียดถึงประเด็นดังกล่าว
ขยายโครงการคืนภาษีบุตร
ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมเรียกร้องให้สภาคองเกรสฟื้นฟูโครงการคืนภาษีบุตรที่เคยผ่านพร้อมกับกฎหมายเยียวยาโควิด โครงการดังกล่าวทำให้เด็ก 3.6 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน ก่อนที่โครงการจะหมดอายุเมื่อเดือนธันวาคม 2021
กำหนดเพดานราคาของอินซูลิน
ปธน. ไบเดนจะเรียกร้องให้มีการขยายการกำหนดเพดานราคาของอินซูลินสำหรับชาวอเมริกันทุกคน โดยเขาเตรียมชูนโยบายของรัฐบาล ที่ผลักดันให้ประชาชนไม่ต้องชำระค่าอินซูลินเกินเดือนละ 35 ดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
การกำหนดเพดานราคานี้เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายลดเงินเฟ้อที่ผ่านเมื่อปีที่แล้ว และครอบคลุมแต่ผู้ที่อยู่ในเครือข่ายประกันสุขภาพของรัฐบาลสำหรับผู้สูงอายุ หรือ “เมดิแคร์” เท่านั้น
ในการแถลงครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมผลักดันนโยบายนี้ให้ประชาชนทุกคนที่มีใบสั่งแพทย์ให้รับอินซูลิน
ขยายโครงการประกันสุขภาพผู้ที่มีรายได้ต่ำ
เมื่อปี 2021 สมาชิกพรรคเดโมแครตนำเสนอนโยบายขยายโครงการประกันสุขภาพผู้ที่มีรายได้ต่ำ หรือ “เมดิเคด” ในเกือบสิบรัฐที่สมาชิกพรรครีพับลิกันไม่อนุมัติการขยายโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่ถูกรวมในแผนเศรษฐกิจฉบับสุดท้ายของพรรคเดโมแครต
ทั้งนี้ ปธน. ไบเดน เตรียมเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณาขยายโครงการนี้อีกครั้ง
รับมือกับการลักลอบค้ายาเฟนทานิลที่มีสารเสพติด
ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมเรียกร้องให้มีการขัดขวางการลักลอบขนส่ง แจกจ่าย และจำหน่ายยาแก้ปวดเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง โดยเขาจะเรียกร้องให้มีการหยุดการขนยาผ่านชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ผลักดันให้สภาคองเกรสกำหนดโทษรุนแรงต่อผู้จัดจำหน่ายยาเฟนทานิล รวมทั้งดำเนินทางการทูตเพื่อพุ่งเป้าไปยังเครือข่ายผลิตยาเฟนทานิลในต่างประเทศด้วย
รับมือกับวิกฤตสุขภาพจิตในสหรัฐฯ
ปธน. ไบเดนเตรียมเรียกร้องให้มีมาตรการปกป้องเด็กทางออนไลน์ เสริมสร้างความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสของข้อมูลสำหรับชาวอเมริกันทุกคน และเรียกร้องให้บริษัทเทคยักษ์ใหญ่เปิดเผยอัลกอริทึมของตน ทีมีส่วนต่อการกีดกันและสร้างความแตกแยกในสังคม
ผู้นำสหรัฐฯ ยังเตรียมกล่าวถึงการขาดแคลนบุคลากรด้านสุจภาพจิตอย่างหนัก ซึ่งทำเนียบขาวเห็นว่า เป็นประเด็นสำคัญของวิกฤตสุขภาพจิตในสหรัฐฯ
แผนการทำให้โรคมะเร็งหมดไป
ปธน. ไบเดนเตรียมเรียกร้องให้สภาคองเกรสยุติโรคมะเร็ง โดยการผ่านกฎหมายมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Act) อีกครั้ง เพื่อปรับปรุงข้อมูลการวิจัยโรคมะเร็งและระบบดูแลผู้ป่วยใหม่ ๆ รวมทั้งเตรียมชูนโยบายที่รัฐบาลของเขาเตรียมผลักดันเพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ที่มา: รอยเตอร์