‘ไบเดน’ รับปากจัดส่ง ‘วัคซีนส่วนเกิน’ จากสหรัฐฯ ช่วยประเทศอื่น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันพุธว่า สหรัฐฯ กำลังทำงานเพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะมาจากวัคซีนที่สหรัฐฯ ไม่ได้ใช้ โดยจะมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยก่อนที่จะส่งความช่วยเหลือนี้ไปให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

คำกล่าวนี้มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จเรื่องการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอเมริกันไปแล้วมากกว่า 200 ล้านโดสภายในช่วงไม่ถึง 100 วันแรกที่ตนเข้ารับตำแหน่ง และหวังว่าสหรัฐฯ จะมีวัคซีนเหลือใช้เร็ว ๆ นี้ แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้

จนถึงขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้งบประมาณไปแล้ว 4,000 ล้านดอลลาร์แก่โครงการวัคซีนโคแวกซ์ (COVAX) ขององค์การอนามัยโลก เพื่อจัดหาวัคซีนโควิดให้แก่ประเทศรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ รวมทั้งรับปากว่าจะจัดส่งวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกาหลายล้านโดสซึ่งยังไม่ผ่านการรับรองในสหรัฐฯ ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านสองประเทศ คือ แคนาดา และเม็กซิโก

ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และประเทศรายได้สูงอื่น ๆ ถูกวิจารณ์อย่างมากเรื่องการสั่งซื้อวัคซีนโควิดเกือบทั้งหมดสำหรับประชากรในประเทศตนเอง แต่หลายประเทศยังคงประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนและยังต้องการความช่วยเหลือจากอเมริกา รวมทั้งเกาหลีใต้ หนึ่งในพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในเอเชีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ชุง อุย-ยอง กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า ตนได้เน้นย้ำกับทางสหรัฐฯ หลายครั้งว่า “เพื่อนที่ช่วยเหลือในยามยากคือเพื่อนแท้” พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลกรุงโซลให้ความช่วยเหลือต่อสหรัฐฯ ทั้งในด้านชุดตรวจโควิดและหน้ากากอนามัยในช่วงแรกที่อเมริกาประสบวิกฤติการระบาดใหญ่ โดยเห็นแก่ความเป็นพันธมิตรพิเศษที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศ แม้ทางเกาหลีใต้เองก็ขาดแคลนอุปกรณ์เหล่านั้น

เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส กล่าวว่า “ประเทศที่กำลังฉีดวัคซีนให้กับคนหนุ่มสาวและประชากรที่แข็งแรงของตนซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ กำลังทำเช่นนั้นบนความสูญเสียในชีวิตของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้สูงอายุและประชากรที่มีความเสี่ยงสูงในประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางต่าง ๆ”

แต่ทางสหรัฐฯ ได้ออกมาปกป้องจุดยืนของตนเองในการฉีดวัคซีนให้พลเมืองอเมริกันก่อนเป็นอันดับแรก โดยอ้างถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในอเมริกาที่นำหน้าประเทศอื่นทั่วโลก