Your browser doesn’t support HTML5
สื่อหลายแห่งรายงานว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังวางแผนใช้งบประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ ในการสั่งซื้อยาเม็ดต้านโควิด-19 ที่บริษัทยา ไฟเซอร์ (Pfizer) ทดลองพัฒนาออกมา เป็นจำนวนราว 10 ล้านชุด เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยในประเทศในเร็วๆ นี้
รายงานข่าวดังกล่าวได้รับการเปิดเผยออกมาเพียง 1 วัน หลังจากที่ ไฟเซอร์ ประกาศว่า ตนได้ลงนามข้อตกลงกับกลุ่มความร่วมมือด้านสาธารณสุขนานาชาติที่ชื่อว่า Medicines Patent Pool หรือ MPP ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ เพื่ออนุญาตให้ผู้ผลิตยาสูตรสามัญ ผลิตยาเม็ดต้านโควิด-19 ชนิดรับประทานของไฟเซอร์ แก่ประชาชนใน 95 ประเทศ ที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 53% ของประชากรโลก
ไฟเซอร์ กล่าวว่า ยาเม็ดแบบใหม่ที่ชื่อ แพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) นี้สามารถลดความเสี่ยงของการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีการไม่รุนแรงได้ถึงเกือบ 90% โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระได้แนะนำให้บริษัทยาแห่งนี้สรุปการศึกษาได้แล้ว เนื่องจากผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจนี้
การลงนามข้อตกลงระหว่าง ไฟเซอร์ และ MPP เกิดขึ้นขณะที่ บริษัทยาสัญชาติอเมริกันแห่งนี้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาเม็ดนี้ในกรณีฉุกเฉินอยู่
อย่างไรก็ตาม หยวนเฉียง หู ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายกฎหมายขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders) กล่าวว่า ตนรู้สึกผิดหวังที่ข้อตกลงระหว่าง ไฟเซอร์ และ MPP ไม่ได้เปิดโอกาสให้ทุกประเทศสามารถผลิตยาเม็ดต้านโควิด-19 ได้
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไฟเซอร์ จะได้ไม่ได้รับเงินส่วนแบ่งจากการจำหน่ายยาในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งในเวลานี้ มีประชากรไม่ถึง 1% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว ขณะที่ ทางบริษัทจะไม่เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์การขายในประเทศที่มีรายชื่อระบุอยู่ในข้อตกลงดังกล่าว ตราบเท่าที่การระบาดของโควิด-19 ยังเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอยู่