Your browser doesn’t support HTML5
ออสเตรเลียชี้คนเข้าเมืองต้องพูดภาษาอังกฤษได้
ออสเตรเลียจัดพิธีรับสัญชาติของคนเข้าเมืองขึ้นครั้งเเรกในปี ค.ศ. 1949 เเละตั้งเเต่นั้นมา มีคนเข้าเมืองหลายล้านคนเข้าพิธีสาบานตนเป็นพลเมืองของออสเตรเลีย
เเต่รัฐบาลออสเตรเลียบอกว่า ผลการสำรวจสำมะโนประชากรชี้ว่ามีคนราว 1 ล้านคนในออสเตรเลีย หรือราวร้อยละ 4 ของประชากรทั้งหมด ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
กฏหมายใหม่หลายฉบับที่บังคับให้ใช้คนเข้าเมืองต้องสอบภาษาอังกฤษที่ยากขึ้น ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เเต่นายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ กำลังรื้อฟื้นแผนนี้
นายเทิร์นบูลล์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่าความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการปรับตัวเข้ากับสังคมออสเตรเลีย ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจ และในทุกๆ ด้าน
ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา คนเข้าเมืองที่เพิ่งได้รับสัญชาติออสเตรเลียจะต้องสอบผ่านข้อสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประชาชนของออสเตรเลีย วิถีปฏิบัติทางประชาธิปไตย และสถาบันต่างๆ
นายอลัน ทัดจ์ รัฐมนตรีกิจการ Citizenship และ Multicultural Affairs กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการสอบความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่เข้มข้นกว่าเดิม เพราะภาษาอังกฤษช่วยให้คนเข้าเมืองปรับตัวเข้ากับสังคมออสเตรเลียได้
แต่ จามาล ดาอูด แห่งหน่วยงาน Social Justice Network ชี้ว่าข้อกำหนดนี้อาจสูงเกินไป เขากล่าวว่าข้อสอบภาษาอังกฤษเหล่านี้ยากมากที่จะสอบผ่าน เพราะเป็นความรู้ทางวิชาการ ซึ่งถือว่ายากแม้สำหรับคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย และไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าการสอบความสามารถภาษาอังกฤษแบบใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียของคนเข้าเมือง
ประเด็นที่ถกเถียงกันไม่ได้อยู่ที่ว่าคนที่ได้รับสัญชาติออสเตรเลียควรเรียนภาษาอังกฤษ แต่พวกเขาต้องสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี
แคลร์ โอเนล โฆษกกระทรวงยุติธรรมจากพรรคเเรงงานฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย และบอกว่าข้อสอบภาษาอังกฤษใหม่นี้เป็นการดูถูกคนต่างด้าว
เธอบอกว่า มาตรการนี้ทำให้คนเสียความรู้สึกเ พราะมองข้ามคุณค่าของสิ่งที่คนเข้าเมืองทำแก่ออสเตรเลีย แม้ว่าจะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งก็ตาม ซึ่งเป็นคนที่เลือกเธอมาเป็นผู้เเทน เธอกล่าวว่าคนเหล่านี้ทำประโยชน์แก่ประเทศ
รัฐบาลออสเตรเลียวางแผนที่จะเสนอกฏหมายเกี่ยวกับการทดสอบภาษาอังกฤษแบบใหม่นี้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)