ร่างเอกสารการประชุม ASEAN - US ระบุถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียน ภายใต้กรอบการหารือ "Sunnylands Principles" ซึ่งตั้งชื่อตามสถานที่จัดการประชุม Sunnylands Resort ในเมือง Rancho Mirage รัฐแคลิฟอร์เนีย
ความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่าการที่ประธานาธิบดีโอบาม่าเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนวาระพิเศษ ที่เมือง Rancho Mirage รัฐแคลิฟอร์เนีย คือส่วนหนึ่งของนโยบาย Asia Pivot หรือการมุ่งเน้นไปทางเอเชีย ในปีสุดท้ายของประธานาธิบดีโอบาม่า เพื่อสร้างสมดุลใหม่ในเอเชีย
และยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดต่อไป ว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเอเชียในระดับเดียวกับที่ตนทำไว้ เพื่อรักษาบทบาทความเป็นผู้นำของสหรัฐบนเวทีโลก
Your browser doesn’t support HTML5
ประเด็นข้อพิพาททะเลจีนใต้
ร่างเอกสารการประชุมฉบับนี้สนับสนุนให้มีการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ในแบบพหุภาคี คือใช้อาเซียนเป็นเวทีเจรจา ไม่ใช้การเจรจาแบบรายประเทศดังที่จีนต้องการ
นอกจากนี้ยังระบุถึงเสรีภาพในการเดินเรือในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ ตามกฏหมายทางทะเลของสหประชาชาติ ตลอดจนการหลีกเลี่ยงการใช้แนวทางด้านการทหารในทะเลจีนใต้
ข้อตกลงการค้า TPP
ขณะนี้มีสมาชิกของอาเซียนสี่ประเทศ คือ บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนามที่เป็นสมาชิกก่อตั้งของข้อตกลงการค้าเสรี TPP ซึ่งเพิ่งจะลงนามกันที่เมือง Auckland ของนิวซีแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
และมีรายงานว่าอินโดนีเซียกับไทย ก็อาจสนใจเข้าร่วมเจรจาเป็นอันดับต่อไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้นักวิเคราะห์เห็นว่าสมาคมอาเซียนกำลังเผชิญปัญหาเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นอาเซียนจำต้องพิจารณาเรื่องความร่วมมือและการรวมตัวทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและความน่าสนใจสำหรับการลงทุนไว้
ประเด็นด้านการค้าและเศรษฐกิจ
รองที่ปรึกษาประธานาธิบดีโอบามา ด้านความมั่นคง นาย Ben Rhodes บอกว่าภูมิภาคเอเชียอาคเนย์จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ และช่วยสร้างงานให้อเมริกา 500,000 ตำแหน่ง
เมื่อสองปีก่อน บริษัทอเมริกันลงทุนโดยตรงในเอเชียอาคเนย์ มูลค่าสูถึง 200 ล้านดอลลาร์
Ben Rhodes เชื่อว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นตลาดสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
Your browser doesn’t support HTML5
อุปสรรคของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC
เขตการค้าเสรีของประเทศอาเซียนภายใต้กรอบ AEC ได้สร้างกลุ่มการค้าขนาดใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจของภูมิภาค 2.4 ล้าน ล้านดอลลาร์ ใหญ่เป็นที่ 7 ของโลก
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ชี้ว่า AEC ยังมีสิ่งท้าทายเรื่องการกัดการกับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี หรือ non-tariff barriers
นักวิเคราะห์ Oum Sothea ที่สิงคโปร์กล่าวว่า แม้ว่าข้อกีดกันทางการค้าที่เป็นภาษีจะถูกยกเลิกไปเกือบหมดแล้วในกลุ่ม AEC แต่ non-tariff barriers ยังคงมีอยู่และหนทางการสร้างเขตการค้าเสรีที่แท้จริงต้องอาศัยความมุ่งมั่นร่วมกัน
นอกจากนั้นเขากล่าวว่าประเทศสมาชิก ASEAN ยังต้องทำงานร่วมกันเรื่องกฎระเบียบที่มีความหลากหลาย และใช้มาตรฐานที่ต่างกัน
(รายงานจากห้องข่าววีโอเอ)