เลขาธิการยูเอ็น เตือนผู้นำโลก ‘ตื่นขึ้นมารับรู้วิกฤตโลกเสียที’

United Nations Secretary-General Antonio Guterres addresses the 76th Session of the U.N. General Assembly in New York City, Sept. 21, 2021.

เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อันโตนิโอ กูเทอเรซ เตือนผู้นำทั่วโลกให้ “ตื่นขึ้น” เพื่อมารับรู้ปัญหา “คลื่นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุด” ในประวัติศาสตร์โลก และร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้แล้ว

อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ใช้เวทีที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประจำปีที่จัดขึ้นในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ ที่นครนิวยอร์ก เป็นพื้นที่ส่งสารไปยังผู้นำประเทศสมาชิกทั้งหลาย ซึ่งระบุว่า “โลกของเราไม่เคยต้องประสบภาวะคุกคามที่ร้ายแรงและทำให้เกิดความแตกแยกรุนแรงเท่าในปัจจุบันมาก่อน” พร้อมกล่าวว่า ทั้งปัญหาวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และ “กลียุค” ในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน เอธิโอเปีย และเยเมน คือ ตัวอย่างของความท้าทายที่ทั่วโลกต้องตระหนักถึงและหันมาร่วมมือกันแก้ไข

ในฐานะที่องค์การสหประชาชาติเป็นหัวเรือใหญ่ในการรับมือภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เลขาธิการ กูเทอเรซ ใช้โอกาสการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เพื่อชี้ประเด็นที่บรรดาประเทศร่ำรวยทั้งหลายดูเหมือนจะไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการช่วยโลกรับมือกับวิกฤตนี้ ทั้งยังแสดงความเห็นแก่ตัวด้วยการกักตุน หรือแม้แต่ใช้วัคซีนโควิด-19 อย่างทิ้งๆ ขว้างๆ ด้วย

กูเทอเรซ กล่าวว่า “ประเทศร่ำรวยส่วนใหญ่นั้นได้รับการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ ชาวแอฟริกันกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ยังรอคอยการฉีดวัคซีนโดสแรกอยู่เลย” และย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงภาวะตกต่ำทางคุณธรรมของโลกในปัจจุบัน

นอกจากนั้น เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นยังวิจารณ์อภิมหาเศรษฐีโลกบางรายที่ “มัวแต่หาความสุขด้วยการท่องอวกาศ ขณะที่ผู้คนนับล้านบนโลกอยู่ในภาวะอดอยาก” หลังฐานะความร่ำรวยของตนขยายตัวอย่างทวีคูณระหว่างที่ทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤตโควิด-19

ในส่วนของประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ กูเทอเรซ เตือนว่า “การก่อรัฐประหารโดยกองทัพ กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งแล้ว” หลังจากเกิดการยึดอำนาจโดยทหารในหลายประเทศตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทั้งในเมียนมา มาลี และกินี ขณะที่มีรายงานข่าวความพยายามก่อรัฐประหารที่ซูดานในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมาด้วย

และหลังจากหยิบยกเรื่องสหรัฐฯ และจีน ขึ้นมาพูดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น กล่าวในวันอังคารอีกครั้ง โดยไม่ระบุชื่อประเทศใดๆ ว่า ทั่วโลกจะยังไม่สามารถมุ่งหน้ารับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการพัฒนาต่างๆ ได้เลย หาก ประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2 ประเทศ ยังคงมีปัญหาระหว่างกันและกันอยู่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายคาดว่าจะได้ยินจากปากของ กูเทอเรซ ในครั้งนี้ แต่กลับไม่ได้มีการพูดถึงคือ กรณีการยึดอำนาจการปกครองในอัฟกานิสถานของกลุ่มตาลิบัน โดยมีเพียงแต่การเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกันนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังประเทศนี้ และให้มีความร่วมมือช่วยปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในกลุ่มสตรีและเด็ก ให้มากยิ่งขึ้น