ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิ์ขององค์การสหประชาชาติกล่าวในวันจันทร์ว่า สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในอัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลิบันนั้นย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสตรีและเด็กที่อยู่ในภาวะ “การถูกกดขี่อย่างหนักหน่วง” ขณะที่ สภาพการณ์ของประเทศกำลัง “ดิ่งลงเข้าสู่ระบอบเผด็จการ” แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ริชาร์ด เบนเนตต์ ผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในอัฟกานิสถาน แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า การที่รัฐบาลตาลิบันถอยหลังกลับและไม่ทำตามคำมั่นในการส่งเสริมสิทธิ์ของสตรีและเด็ก และเริ่มกลับมาพุ่งเป้าจัดการกับฝ่ายตรงข้ามและผู้ที่คอยวิพากษ์วิจารณ์ตน รวมทั้ง การปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออก แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวเข้าสู่ระบอบเผด็จการแล้ว
นาซีร์ อาห์หมัด อันดิชา เอกอัครราชทูตอัฟกานิสถานประจำยูเอ็น ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลที่ถูกกลุ่มตาลิบันโค่นอำนาจไป แสดงความเห็นเพิ่มว่า เหตุการณ์ในประเทศนี้เหมือนอยู่ในภาวะ “การแบ่งแยกทางเพศ” ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า สตรีชาวอัฟกันจำนวนมากที่เข้าร่วมการประชุมนี้ ออกมาแสดงความคิดเห็นในแบบเดียวกันนี้ อาทิ มาห์บูบา เซราจ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิ์ ที่เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจัดตั้งกลไกใหม่เพื่อสอบสวนกรณีการล่วงละเมิดต่าง ๆ ในอัฟกานิสถาน
รอยเตอร์รายงานว่า โรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นสำหรับเด็กผู้หญิงจำนวนมากในอัฟกานิสถานถูกสั่งปิดลงตั้งแต่กลุ่มตาลิบันเข้ายึดอำนาจปกครองประเทศเมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว หลังจากทางกลุ่มคืนคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้าว่า จะเปิดให้มีการเรียนการสอนในโรงเรียนประเภทนี้ในเดือนมีนาคม
อิลเซ แบรนด์ส เคห์ริส ผู้ช่วยเลขาธิการการใหญ่ยูเอ็นด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า มีเด็กผู้หญิงราว 850,000 คนในอัฟกานิสถานที่ต้องออกจากโรงเรียน ซึ่งทำให้เด็กเหล่านั้นตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกจับแต่งงานและกลายเป็นเหยื่อการฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็กเพื่อจุดประสงค์ทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ กลุ่มตาลิบัน กล่าวไว้ว่า คำสั่งปิดโรงเรียนทั้งหลายจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าทางกลุ่มจะเสร็จสิ้นการร่างแผนงานที่สอดคล้องกับกฎหมายของศาสนาอิสลาม ก่อนที่จะมีการอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง
- ที่มา: รอยเตอร์