ศาลสูงสหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้องขอจากรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้บังคับใช้แนวทางปฏิบัติของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับการทำแท้งเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้ในรัฐเท็กซัส ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ในวันจันทร์ ตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ มีมติไม่รับอุทธรณ์จากกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลชั้นก่อนหน้าที่สั่งห้ามบังคับใช้แนวทางปฏิบัติของรัฐบาลกลางดังกล่าวในรัฐเท็กซัสที่มีกฎหมายห้ามการทำแท้งเกือบทุกกรณีตามที่สมาชิกสภารัฐซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกันสนับสนุน
รัฐบาลไบเดนออกแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้มาใช้งานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 เพื่อปกป้องสิทธิ์ของประชาชนในการเข้าถึงการทำแท้ง หลังศาลสูงที่มีตุลาการส่วนใหญ่เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมคว่ำคำตัดสินเมื่อปี ค.ศ. 1973 ในคดีที่มีชื่อว่า Roe v. Wade ที่เคยยืนยันสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญให้สตรีทำแท้งได้
Your browser doesn’t support HTML5
แนวทางปฏิบัตินี้มีเนื้อหาที่เตือนให้สถานบริการทางการแพทย์ทั่วประเทศระลึกถึงหน้าที่รับผิดชอบของตนภายใต้กฎหมายรัฐบาลกลางปี 1986 ที่มีชื่อว่า Emergency Medical Treatment and Labor Act (EMTALA) เพื่อให้แน่ใจว่าโรงพยาบาลที่เข้าร่วมนโยบาย Medicare ของรัฐบาลกลางจะให้บริการฉุกเฉินในการรักษาคนไข้ที่อาจไม่มีความสามารถในการชำระค่ารักษาได้
Medicare คือ โครงการรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุของรัฐบาลกลาง และโรงพยาบาลใด ๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย EMTALA มีความเสี่ยงจะถูกตัดงบสนับสนุน Medicare
ภายใต้แนวทางปฏิบัติดังกล่าว แพทย์จะต้องช่วยทำแท้งให้คนไข้เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ และเพื่อให้คนไข้ไม่ทรุดหนักลง แม้แต่ในพื้นที่รัฐที่มีการสั่งห้ามการทำแท้ง หรือมีเงื่อนไขที่เข้มงวดเกินไปสำหรับการทำแท้งก็ตาม
สำหรับรัฐเท็กซัส กฎหมายของรัฐห้ามไม่ให้มีการทำแท้ง เว้นแต่กรณีที่คนไข้ที่ตั้งครรภ์ตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจเสียชีวิต หรือมีความเสี่ยง “ที่ร่างกายจะสูญเสียการทำงานหลัก ๆ อย่างมีนัยสำคัญ”
แต่รัฐสภาเท็กซัสที่มีสมาชิกพรรครีพับลิกันกุมเสียงข้างมากอยู่ พร้อมองค์กรการแพทย์ที่ต่อต้านการทำแท้งชั้นนำ 2 แห่งของเท็กซัส (American Association of Pro-Life Obstetricians & Gynecologists และChristian Medical & Dental Associations) ร่วมกันยื่นฟ้องรัฐบาลกลางในเรื่องนี้ โดยแย้งว่า แนวทางปฏิบัติที่ว่าบีบให้สถานพยาบาลต้องทำแท้งให้คนไข้โดยผิดกฎหมาย
ผู้พิพากษา เจมส์ เวสลีย์ เฮนดริกซ์ จากศาลชั้นต้นมีคำตัดสินไม่ให้บังคับใช้แนวทางปฏิบัตินี้ โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลกลางตีความกฎหมาย EMTALA ในแบบที่ผิดกฎหมาย ก่อนที่ ศาลอุทธณ์ในนิวออร์ลีนส์จะยืนยันคำตัดสินของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 2 มกราคมของปีนี้
- ที่มา: รอยเตอร์