รู้จัก “ไบโอพอด” โดมปลูกพืชบนดวงจันทร์ - นาซ่าส่องดาวเคราะห์น้อยเบนอู

BioPod

องค์การอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซ่า (NASA) ริเริ่มโครงการส่องเศษดาวเคราะห์น้อยโบราณเพื่อตรวจหาแหล่งที่มาของน้ำบนโลก ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อินเทอร์สเตลลาร์ แล็บ (Interstellar Lab) เปิดตัวโดมปลูกพืช ไบโอพอด (BioPod) บนดวงจันทร์ ซึ่งมีกำหนดใช้งานภายในปี 2027

“ไบโอพอด” โดมปลูกพืชบนดวงจันทร์

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อินเทอร์สเตลลาร์ แล็บ (Interstellar Lab) ที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และในนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐฯ เป็นผู้ออกแบบโดมเพื่อการเกษตร ไบโอพอด (BioPod) ที่เชื่อว่าสามารถช่วยเกษตรกรสร้างผลผลิตในท้องถิ่น และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยลง

บาร์บารา เบลวีซี ผู้ก่อตั้งบริษัท Interstellar Lab ยกตัวอย่างการปลูกต้นวานิลลาตรงพื้นที่ภายในโดม BioPod เป็นการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งวานิลลาจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง

ไบโอพอด (BioPod)

เบลวีซี อธิบายว่า “เราใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประโยชน์มากขึ้น เทียบกับการเกษตรแบบดั้งเดิม 99 เปอร์เซ็นต์ของน้ำ (จากวิธีนี้) ถูกรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ อีกทั้งยังเป็นการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศไปเพิ่มระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในโดม”

นอกจากนี้ การจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ยังช่วยให้สามารถใช้พื้นที่สำหรับการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นการใช้พื้นที่แนวตั้งมากกว่าแนวขยาย

BioPod

ทั้งนี้ จากความร่วมมือกับนาซ่า โดมเพื่อการเกษตร BioPod สำหรับอวกาศมีกำหนดใช้งานบนดวงจันทร์ภายในปี 2027

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ก่อตั้ง Interstellar Lab ได้เข้าร่วมการประชุมสภาพภูมิอากาศ COP28 เพื่อสร้างความสนใจและระดมทุนสำหรับโครงการนี้ โดยคาดว่าเมื่อผลิต BioPod ออกจำหน่ายเพื่อการพาณิชย์ จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 350,000 ดอลลาร์ หรือราว 12 ล้านบาท

นักวิจัยตรวจเศษดาวเคราะห์น้อยโบราณ “เบนอู”

ขณะเดียวกัน นาซ่ารวบรวมตัวอย่างฝุ่นและเศษผงของดาวเคราะห์น้อยโบราณในอวกาศซึ่งใช้เวลานานหลายปีในการเดินทางกลับมายังพื้นโลก เป้าหมายเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีที่ว่า ดาวเคราะห์น้อยโบราณอาจเชื่อมโยงกับน้ำบนผืนโลก

ยานอวกาศ โอซิริส-เรกซ์ (Osiris-Rex) ของนาซ่า เก็บตัวอย่างฝุ่นและเศษผงจากดาวเคราะห์น้อยโบราณ เบนอู (Bennu) กลับสู่พื้นโลกสำเร็จ

ยานอวกาศ โอซิริส-เรกซ์ (Osiris-Rex) ของนาซ่า เก็บตัวอย่างฝุ่นและเศษผงจากดาวเคราะห์น้อยโบราณ เบนอู (Bennu) ที่มีอายุราว 4,500 ล้านปี เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางนานกว่าเจ็ดปี

ภายหลังจากที่ยานอวกาศเดินทางกลับโลกที่บริเวณศูนย์ทดสอบและฝึกทหารรัฐยูทาห์ นักวิจัยพบว่าจากตัวอย่างที่เก็บได้ มี “น้ำ” ติดอยู่ในชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยโบราณ ซึ่งอาจจะเป็นเบาะแสที่ชี้ว่าน้ำเกิดขึ้นมาบนโลกได้อย่างไร

ซารา รัสเซลล์ นักวิจัยด้านดาราศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP โดยระบุว่า “ในช่วงที่โลกก่อตัวอาจมีอุณภูมิที่ร้อนมาก และน้ำส่วนใหญ่ได้ระเหยไป ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า โลกได้รับน้ำจากการถูกดาวเคราะห์น้อยโบราณเหมือนเบนอูพุ่งชน และนำน้ำมายังพื้นผิวโลก”

  • ที่มา: วีโอเอ และเอพี