สื่อนิคเคอิเอเชีย ออกรายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ค. จากการตามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินสายหาเสียงเมื่อปลายเดือนที่เเล้ว และได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติของนายกรัฐมนตรีไทยผู้นี้
บทความเล่าถึงการเดินทางไปสวนลุมพินี ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้ทักทายนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเตะตะกร้อกับเด็ก ๆ รวมทั้งโพสต์ท่าถ่ายรูปบน 'เรือเป็ด' ที่สวนสาธารณะใจกลางกรุงแห่งนี้
นิคเคอิยังได้ถอดคำพูดของผู้นำไทยในวันที่ 20 เมษายน ขณะที่เขาเดินทางไปตลาดเยาวราช ว่าตน แม้จะไม่ต้องการ แต่จำเป็นต้องหาเสียงเลือกตั้งเป็นนายกฯอีกสมัยหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของประเทศ
รายงานชิ้นนี้ระบุว่าผู้สนับสนุนประยุทธ์ที่ชื่นชอบเขาอย่างหนักแน่น ช่วยให้พรรคของเขามีความนิยมเป็นอันดับสามในโพลล์ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. และว่าถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติประสบความสำเร็จตามเป้าที่จะให้ได้ส.ส.อย่างน้อย 100 คน ส.ว.ที่ได้รับการเเต่งตั้งโดยกลุ่มทหารก็จะสามารถช่วยเลือกเขาให้เป็นนายกฯ อีกสมัยหนึ่ง
สื่อญี่ปุ่นแห่งนี้ยังได้พูดคุยกับ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งกล่าวว่า อุดมการณ์ของพรรคอยู่ที่การช่วยให้สภาพเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นด้วยการทำงานที่จับต้องได้ มากกว่านโยบายประชานิยมที่เป็นนโยบาย "ขยะ" ตามคำบอกเล่าของม.ล.ชโยทิต
นิคเคอิรายงานว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะได้ที่นั่งส.ส.มากที่สุดในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. เสนอนโยบายแจกเงินสู่ประชาชน 10,000 บาทต่อคนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้คำมั่นว่า จะเพิ่มค่าเเรงขัั้นต่ำด้วยเช่นกัน
ม.ล.ชโยทิตกล่าวในรายงานว่า เศรษฐกิจไทยได้ฟื้นตัวไปแล้ว และผ่านพ้นวิกฤตไปแล้ว เขาตั้งคำถามต่อว่าเหตุใดจึงต้องกลับไปที่ "กับดักเดิม" แห่งการเเจกเงินโดยไม่ได้สร้างผลิตภาพทางเศรษฐกิจ (productivity)
ทั้งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอขึ้นค่าสวัสดิการจากรัฐเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์เศรษฐกิจมองว่าเป็นแนวทางประชานิยม แต่ม.ล.ชโยทิต กล่าวว่าพรรคของเขาและพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ให้เงินแบบไม่เลือกสถานะ แต่เน้นไปที่คนที่ต้องการความช่วยเหลือ
เขาบอกด้วยว่า การยกระดับภาคการผลิตของไทยไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง จำเป็นต้องมีการถ่ายโอนความรู้จากต่างชาติ และนั่นสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านนโยบายคนต่างด้าวที่ดีขึ้น เช่นการให้วีซ่าอยู่ไทยระยะยาวแก่ชาวต่างชาติที่มีรายได้สูงและกลุ่มผู้ทำงานบนโลกดิจิทัลโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือ digital nomads
ที่ผ่านมารัฐบาลปัจจุบันใช้เงินไป 3 ล้านล้านบาทสำหรับงานระบบสาธาณูปโภคประภท ถนน การขนส่งระบบราง การเดินทางทางนำ้ และสนามบิน ที่เชื่อมต่อเขตอุตสาหกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่อยู่ภายใต้โครงการ Eastern Economic Corridor หรืออีอีซี
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวกับนิคเคอิด้วยว่า รัฐบาลนี้มีผลงานเรื่องการสร้างระบบจ่ายเงินแบบดิจิทัลและระบบโทรคมนาคม 5 จี ทั่วประเทศ
พลเอกประยุทธ์ยังได้ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ตามรายงานของนิคเคอิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประเมินว่า กระเเสเงินลงทุนจากต่างประเทศระลอกใหม่จะช่วยให้ไทยสามารถกลับมาผลิตรถได้ 2 ล้านคันต่อปีในปีนี้ ซึ่งเทียบเท่ากับระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนี้เป็น "โอกาสที่สมบูรณ์แบบ" สำหรับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม พรรคคู่เเข่งของรวมไทยสร้างชาติ แย้งว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังไปได้ต่อจากนี้ หรือยังไม่ดีพอ และตามหลังเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามตามรายงานของนิคเคอิ
ในเรื่องของปัญหาคอร์รัปชัน นิคเคอิเอเชียรายงานว่า ในปีที่พลเอกประยุทธ์และผู้นำเหล่าทัพทำรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ประเทศไทยติดอันดับ 85 จากประเทศทั้งหมด 180 แห่งในดัชนีคอร์รัปชันของหน่วยงาน Transparency International
เมื่อเวลาผ่านไป ไทยอยู่ที่อับดับ 101 เมื่อปีที่เเล้ว
ทั้งนี้ แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาผู้เเข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรีจากฝั่งอนุรักษ์นิยม แต่โดยรวม เขาเป็นที่ชื่นชอบอันดับสามรองจากเเพทองธาร ชินวัตร แห่งพรรคเพื่อไทยและพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่าการปฏิรูปเชิงโครงสร้างต้องใช้เวลา และสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้สำหรับเขาคือความมั่นคงทางการเงินและการคลังของประเทศ
นิคเคอิปิดท้ายรายงานชิ้นนี้ด้วยถ้อยความจากการสัมภาษณ์ข้าราชการเกษียณผู้หนึ่ง ที่กล่าวว่าพลเอกประยุทธ์ไม่เหมือนนักการเมืองที่มาจากครอบครัวการเมืองที่ส่งผ่านอำนาจจากรุ่นสู่รุ่น และข้าราชการผู้นี้บอกด้วยว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ เช่นการแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
เขากล่าวว่าถ้าฝ่ายค้านชนะเลือกตั้ง ตนไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
- ที่มา: นิคเคเอเชีย