สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติรับรองร่างกฎหมายปกป้องการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการต่อสู้ทางกฎหมายยาวนานนับสิบปีเพื่อให้เกิดการยอมรับความถูกต้องตามกฎหมายของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วประเทศ
ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ทุกรัฐในอเมริการับรองการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ถือเป็นข่าวดีสำหรับคู่รักเพศเดียวกันหลายแสนคู่ที่แต่งงานกันตั้งแต่ปีค.ศ. 2015 หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำตัดสินให้คนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังปกป้องการแต่งงานของผู้ที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติและสีผิวด้วย
ร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาล่างด้วยคะแนนเสียง 258-169 โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกันเกือบ 40 คนที่ออกเสียงสนับสนุน และผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาสหรัฐฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วโดยมีวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันโหวตให้ 12 คน โดยคาดว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะลงนามเป็นกฎหมายในเร็ววันนี้
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส. แนนซี เพโลซี ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนมกราคม กล่าวก่อนลงนามในร่างกฎหมายนี้ว่า "เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของความรักและเสรีภาพ"
พรรคเดโมแครตเร่งยื่นร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาสูงและสภาล่างหลังจากที่ตุลาการศาลสูงกลับคำตัดสินเรื่องสิทธิในการทำแท้งของสตรีอเมริกันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยในบันทึกคำตัดสินดังกล่าวระบุความเห็นของผู้พิพากษา แคลเรนซ์ โธมัส ไว้ว่า ควรมีการพิจารณากฎหมายการแต่งงานของคนเพศเดียวกันด้วย
ก่อนที่จะมีการลงมติครั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนฯ หลายคนที่เป็นเกย์ ต่างกล่าวถึงความสำคัญของกฎหมายนี้
ส.ส.พรรคเดโมแครตจากรัฐวิสคอนซิน มาร์ค โพแคน กล่าวว่า กฎหมายนี้จะทำให้ตนและสามีสามารถได้รับผลประโยชน์ทางกฎหมายเฉกเช่นเดียวกับคู่แต่งงานทั่วไป ขณะที่ ส.ส.เดวิด ซิซิลลีนี จากรัฐโรดไอแลนด์ กล่าวว่า แนวคิดความเท่าเทียมของการแต่งงานนั้นเคยถูกมองว่าเป็นเรื่องที่กเิดขึ้นได้ยาก แต่ขณะนี้ได้กลายมาเป็นกฎหมายของแผ่นดินแล้วและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอเมริกันส่วนใหญ่
ด้าน ส.ส.แอนน์ แวกเนอร์ สังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งออกเสียงสนับสนุนกฎหมายนี้ บอกว่า "นี่เป็นการยืนหยัดตามรัฐธรรมนูญ" และเธอยังบอกปัดเสียงโต้แย้งของสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนที่ชี้ว่า กฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อสิทธิทางศาสนาของผู้ที่ไม่เชื่อในการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน โดยเธอบอกว่า "ไม่มีเสรีภาพทางศาสนาของผู้ใดได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้"
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวมิได้กำหนดให้รัฐต่าง ๆ ต้องอนุญาตให้คนเพศเดียวกันแต่งงานดันได้ ดังที่คำตัดสินของศาลสูงสหรัฐฯ กรณี โอเบอร์เกเฟลล์ วี. ฮอดจ์ส (Obergefell v. Hodges) เมื่อปี 2015 ระบุไว้แล้ว แต่จะกำหนดให้แต่ละรัฐต้องยอมรับการแต่งงานทุกรูปแบบที่ถูกต้องตามกฎหมายตามที่ได้ทำไปแล้ว และจะปกป้องการแต่งงานของคนเพศเดียวกันหากมีการคว่ำคำตัดสินโอเบอร์เกเฟลล์ในอนาคตด้วย
การผ่านร่างกฎหมายนี้ในวันพฤหัสบดียังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางการเมืองและสังคมในสหรัฐฯ เมื่อมีประชาชนอเมริกันมากกว่า 2 ใน 3 ที่สนับสนุนร่างกฎหมายนี้ รวมทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนมากขึ้นที่โหวตสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่และกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางกลุ่มยังคงต่อต้านกฎหมายการแต่งงานของเพศเดียวกัน พร้อมทั้งแย้งว่ากฎหมายนี้มิได้ปกป้องสิทธิของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ
ส.ส.บ็อบ กู๊ด พรรครีพับลิกัน จากรัฐเวอร์จิเนีย กล่าวว่า "พระเจ้าทรงออกแบบการแต่งงานมาอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างหนึ่งชายและหนึ่งหญิง" และว่า "ไม่สำคัญว่าคุณและผมจะคิดอย่างไร แต่นี่คือสิ่งที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์ไบเบิล"
ขณะที่ ส.ส.วิคกี้ ฮาร์ทซเลอร์ จากรัฐมอนตานา กว่าขอให้บรรดาสมาชิกสภาล่างออกเสียงคัดค้านร่างกฎหมายนี้ซึ่งบ่อนทำลาย "การแต่งงานตามธรรมชาติ" ระหว่างชายและหญิง
อย่างไรก็ตาม องค์กรทางศาสนาคริสต์หลายกลุ่มได้หันมาสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ รวมทั้ง The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints ที่ระบุว่าจะสนับสนุนสิทธิของคนเพศเดียวกันตราบเท่าที่ไม่ขัดแย้งกับสิทธิของกลุ่มทางศาสนาตา่ง ๆ ตามความเชื่อของพวกเขา
การลงมติในวันพฤหัสบดีมีขึ้นในขณะที่ชุมชนของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในอเมริกาตกอยู่ในความรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง เช่น การยิงกราดที่ไนท์คลับเกย์แห่งหนึ่งในรัฐโคโลราโดเมื่อต้นเดือนนี้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บ 17 คน
เคลลี โรบินสัน ว่าที่ประธานองค์กร Human Rights Campaign กล่าวว่า การผ่านร่างกฎหมายนี้แสดงให้เห็นว่า อเมริกาให้ความสำคัญกับกลุ่มคน LBGTQ มากขึ้น และว่า "พวกเราถือเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่หล่อหลอมสังคมอเมริกัน"
- ที่มา: เอพี