ที่ประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน รับรอง สี จิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3 ในวันอาทิตย์ พร้อมกับเปิดเผยรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ และสมาชิกคณะกรรมการสูงสุดของพรรคฯ หรือ โพลิตบูโร ทั้ง 7 คนซึ่งล้วนเต็มไปด้วยผู้ที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีสี ถือเป็นการรักษาฐานอำนาจที่ทำให้เขาเป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลที่สุดนับตั้งแต่ เหมา เจ๋อตุง
สี จิ้นผิง เดินขึ้นเวทีหอประชุมใหญ่ประชาชนจีนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมติรับรองให้เขาดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคและประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3
ต่อจากนั้นได้มีการแนะนำตัวคณะกรรมการสูงสุด โพลิตบูโร ชุดใหม่อีก 4 คน ได้แก่ หลี่ เฉียง, ไช ฉี, ติง ซูเสียง และ หลี่ สี ซึ่งรวมกับคณะกรรมการชุดเดิม 3 คน คือ สี จิ้นผิง, จ้าว เล่อจี และ หวัง หูหนิง โดย หลี่ เฉียง หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้ จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปแทน หลี่ เค่อเฉียง ที่จะเกษียณจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมปีหน้า
ผู้นำหลายประเทศ รวมทั้งประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน และผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ต่างมีสารแสดงความยินดีต่อการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 ของสี จิ้นผิง
ริชาร์ด แม็คเกรเกอร์ นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกแห่งสถาบันคลังสมองในนครซิดนีย์ Lowy Institute กล่าวว่า การประกาศรายชื่อคณะกรรมการโพลิตบูโรชุดใหม่ของจีน ซึ่งล้วนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของผู้นำจีนคนปัจจุบัน
"ศัตรูทุกคนของสี จิ้นผิง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งที่แท้จริงหรือผู้ที่มีแนวโน้มจะก้าวขึ้นมาในอนาคต ต่างถูกกันออกจากคณะกรรมการโพลิตบูโร และคงเหลือแต่เพียงผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อเขาเท่านั้น คณะกรรมการชุดนี้จึงถือเป็นคำประกาศของสี จิ้นผิง ในฐานะผู้ครอบครองพรรคฯ อย่างแท้จริง" แม็คเกรเกอร์กล่าว
รายชื่อคณะกรรมการสูงสุด 7 คนและสมาชิกทั่วไปอีก 24 คน มีขึ้นหนึ่งวันหลังพิธีปิดการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ที่มีการรับรองการปรับแก้กฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้ สี จิ้นผิง ขยายเวลาการดำรงตำแหน่งออกไปอีก 1 สมัย จากเดิมที่กำหนดไว้ 2 สมัยเท่านั้น
ในขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า อดีตประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้า สี จิ้นผิง ได้ถูกเชิญออกจากห้องประชุมเมื่อวันเสาร์ และมีการพูดคุยกับประธานาธิบดีสีก่อนที่จะถูกเชิญตัวออกไปด้วย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่า ในบรรดารายชื่อของคณะกรรมการโพลิตบูโรชุดใหม่ ไม่มีใครที่ได้รับการคาดหมายอย่างชัดเจนว่าจะสามารถมาแทน สี จิ้นผิง ได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่หลี่ เฉียง ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็เป็นบุคคลสนิทใกล้ชิดอย่างยิ่งกับปธน.สี เพราะเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะทำงานของ สี จิ้นผิง เมื่อคราวที่เขายังเป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ สาขามณฑลเจ้อเจียง
นอกจากนี้ ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อต้นปีนี้ หลี่ เฉียง ในฐานะหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ สาขาเซี่ยงไฮ้ ก็ทำหน้าที่เหมือนเป็น "สายล่อฟ้า" ให้กับปธน.สี เพื่อป้องกันเสียงวิจารณ์ที่มุ่งเป้าไปที่ตัวผู้นำสูงสุดของจีนโดยตรง
สำหรับสมาชิกหน้าใหม่อีก 3 คนที่เหลือนั้น ติง ซูเสียง มีอายุน้อยที่สุดในวัย 60 ปี ซึ่งเป็นเลขานุการส่วนตัวของปธน.สี และเป็นหัวหน้าสำนักงานจัดการทั่วไปของพรรคคอมมิวนิสต์ (General Office) ซึ่งทำหน้าที่ดูแลจัดการงานด้านบริหารต่างๆ ของบรรดาผู้นำระดับสูงของจีน
ไช ฉี วัย 66 ปี คือหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์สาขาปักกิ่ง ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของสี และเคยทำงานร่วมกับสีทั้งในมณฑลเจ้อเจียงและฝูเจี้ยน เป็นเวลานาน 20 ปี
ส่วนสมาชิกรายใหม่คนสุดท้ายของคณะกรรมการโพลิตบูโร คือ หลี่ สี หัวหน้าสำนักงานเศรษฐกิจของมณฑลกวางตุ้งวัย 66 ปี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามีแนวคิดที่ใกล้ชิดกับปธน.สี เช่นกัน
SEE ALSO: รวมโควตเด็ด ‘สี จิ้นผิง’ ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้ง หลี่ เค่อเฉียง นายกฯ คนปัจจุบัน และ หวัง หยาง ตัวเต็งนายกฯ คนใหม่ที่อายุยังน้อยและสามารถดำรงตำแหน่งได้อีกหลายปี ต่างไม่ถูกรวมอยู่ในรายชื่อคณะกรรมการกลางชุดใหม่ของพรรคฯ รวมทั้ง หู ชุนหัว รองนายกฯ วัย 59 ปีที่ได้รับการคาดหมายว่าอาจก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่ได้เช่นกัน
ขณะที่ ซุน ชุนหลาน สตรีคนเดียวในคณะกรรมการโพลิตบูโรชุดที่แล้ว ก็ไม่ได้รับเลือกให้อยู่ในคณะกรรมการชุดใหม่เนื่องจากใกล้เกษียณเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสียังคงต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ความไม่พอใจต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ความตึงเครียดกับไต้หวัน และความขัดแย้งกับชาติตะวันตกเนื่องจากสงครามยูเครน
ดรูว์ ธอมป์สัน นักวิชาการจาก Lee Kuan Yew School of Public Policy มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) กล่าวว่า "คณะกรรมการสูงสุดชุดใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมุ่งเดินหน้าตามเป้าหมายทางการเมืองของสี จิ้นผิง มากกว่าจะผลักดันนโยบายหรือเป้าหมายใหม่ ๆ ที่พวกเขาเชื่อว่าดีที่สุดต่อประเทศ" และว่า "มีแนวทางที่ถูกต้องเพียงแนวทางเดียวในการปกครองจีน นั่นคือแนวทางของสี จิ้นผิง"
ทางด้าน หยาง จาง นักวิชาการแห่ง American University ชี้ว่า "การที่ปธน.สี มีอำนาจควบคุมพรรคฯ อย่างเต็มที่เช่นนี้ หมายความว่าทีมงานของเขาต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดด้านนโยบายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน" และว่า คณะกรรมการชุดนี้อาจก่อให้เกิดแรงต้านมากขึ้นจากชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ซึ่งล้วนทำให้วาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 หรือ 4 ของสี จิ้นผิง ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้
- ที่มา: รอยเตอร์