ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เน้นย้ำความยึดมั่นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีสีอาจสร้างความผิดหวังให้กับคนจำนวนมากที่คาดไว้ว่า ผู้นำจีนจะยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว สร้างปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และทำให้การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างล่าช้า
ไซมอน เฉิน นักรัฐศาสตร์แห่ง National Taiwan University กล่าวว่า "แม้ทุกคนต่างเห็นอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่สียังคงต้องการเดินหน้าตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อวิถีชีวิตของผู้คน"
ช่วงที่ผ่านมา แม้ตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในประเทศจีน อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่รัฐบาลจีนยังคงไม่เปิดประเทศเต็มที่และยังใช้มาตรการคุมเข้มการระบาดต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นเพราะรัฐบาลจีนไม่ต้องการนำเข้าวัคซีนโควิดจากชาติตะวันตกที่ใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก เช่น บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna)
ไซมอน เฉิน กล่าวว่า การที่ปธน.สี พยายามยึดโยงกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์คือหลักฐานว่ารัฐบาลจีนไม่เชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสามารถป้องกันการระบาดของโควิดระลอกใหม่ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงฤดูหนาวปีนี้ นอกจากนี้ จีนกำลังซื้อเวลาเพื่อพัฒนาวัคซีนสูตร mRNA ของตนเอง
วิคเตอร์ เกา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยซูโจว (Soochow University) และรองประธานศูนย์วิจัย Center for China and Globalization กล่าวว่า การเดินหน้าตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์มิได้หมายความว่ามาตรการต่าง ๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการกักตัวที่ลดลงจาก 14 วันเหลือ 7 วัน และอาจลดลงอีกหรือยกเลิกมาตรการกักตัวได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอัตราการติดเชื้อ
ทางด้าน ฌอง-ปิแอร์ คาเบสตาน นักวิจัยแห่ง French Centre for Research on Contemporary China ชี้ว่า แม้มีแรงต้านต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์อยู่บ้างภายในพรรคอมมิวนิสต์จีนเอง แต่โดยรวมแล้วนโยบายนี้ยังคงได้รับแรงสนับสนุนอย่างมากจากเมืองขนาดเล็กต่าง ๆ รวมทั้งในหมู่ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์ของจีนด้วย
นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่า สี และบรรดาผู้นำของจีนต่างเชื่อว่า การปิดประเทศต่อไปคือแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ และยังเป็นการควบคุมด้านความมั่นคงเพื่อไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากคนรุ่นใหม่ในจีน ซึ่งในที่สุดแล้ว สำหรับประธานาธิบดีสี เรื่องนี้อาจสำคัญกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเสียอีก
- ที่มา: วีโอเอ