สเปรย์พ่นจมูกเพื่อป้องกันโควิด ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังและอาจจะเป็นไพ่ใบใหม่ที่ช่วยให้การควบคุมการระบาดของโคโรไวรัสนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น
นับเป็นเวลาหลายปีที่ เคลลี่ คัลลาแฮน ทำงานให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Carter Center เพื่อช่วยให้ผู้คนที่ได้เผชิญความลำบากในมุมต่างๆของโลกสามารถเข้าถึงการรักษาและยารักษาโรคได้
เธอกล่าวกับวีโอเอว่า “สุดถนนไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนอาศัยอยู่ เราต้องไปไกลกว่านั้นมากเพื่อนำวัคซีนและยาต่างๆไปให้ทุกคน ซึ่งการเก็บรักษาสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เย็นเป็นเรื่องยากมาก”
การขนส่งยาและวัคซีนในอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นเพียงหนึ่งในอุปสรรคเท่านั้น เคลลี่ อธิบายเสริมว่า การรักษาด้วยแอนตี้บอดี้นั้นมีราคาสูงและจำต้องอยู่ภายใต้การดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขเท่านั้น และประเด็นสำคัญ คือ หลายคนไม่ชอบเข็มฉีดยา“อะไรก็ตามที่ช่วยให้ การรับวัคซีนมีความตึงเครียดน้อยลง อะไรก็ตามที่ช่วยลดอุปสรรคในการแจกจ่ายจะช่วยให้วัคซีนเข้าสู่ร่างกายคนได้ง่ายขึ้น”
และนั่นคือสิ่งที่ นายแพทย์ ไมเคิล จิวเวตต์ หัวหน้าศูนย์ Center for Synthetic Biology แห่งมหาวิทยาลัย Northwestern พยายามจะทำให้เป็นจริงเพื่อที่จะยกระดับการรักษาโรคจากไวรัสในวงการแพทย์นายแพทย์จิวเวตต์และทีมวิจัยที่ห้องทดลองแห่งมหาวิทยาลัย Northwestern ในรัฐอิลลินอยส์ ที่ร่วมคิดค้นสเปรย์พ่นจมูกต้านโควิดกับมหาวิทยาลัยอีกสองแห่งในสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพื่อออกแบบสเปรย์ข้างต้น ซึ่งได้รับการนำมาทดลองในหนูและมีผลลัพธ์ที่ดีในการสู้โคโรนาไวรัส
“ความพิเศษของสเปรย์ที่เราคิดค้นนั้นอยู่ที่ความสามารถในการลดความร้ายแรงของโควิดทุกสายพันธ์ุในหนูทดลองอย่างได้ผล” นายแพทย์จิวเวตต์กล่าว
ผลการทดลองเรื่องประสิทธิผลของสเปรย์ที่ถูกคิดค้นขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่ายาตัวดังกล่าวประสบความสำเร็จในการรักษามากกว่ายารักษาโควิดชนิดอื่นๆที่อยู่ในตลาดซึ่งได้รับการอนุมัติแบบฉุกเฉินโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เพราะสเปรย์พ่นจมูกของมหาวิทยาลัย Northwestern สามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่าและยังลดการติดเชื้อได้ทั้งหมดได้อีกด้วยนายแพทย์จิวเวตต์ กล่าวว่า “การรักษาด้วยสเปรย์พ่นจมูกนี้สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งในด้านการยับยั้งและรักษาโควิด”
นอกจากนี้ สเปรย์ดังกล่าวยังมีต้นทุนการผลิตที่ถูก ไม่จำเป็นต้องเก็บในที่เย็น และผู้ป่วยสามารถให้ยาแก่ตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์
นายแพทย์จิวเวตต์อธิบายว่า ก้าวสำคัญต่อไป คือ การทดลองถึงประสิทธิผลของสเปรย์ข้างต้นในมนุษย์ “ขณะนี้ ทางเรากำลังร่วมมือกับบริษัทผลิตยาเพื่อยกระดับการคิดค้นและการทดลอง ก่อนที่เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ (clinical trials)”เขาเชื่อว่า ขั้นตอนดังกล่าวที่ทีมวิจัยของเขากำลังคิดค้นอยู่จะช่วยให้โลกของเรารับมือกับการระบาดครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้ง่ายขึ้น
ทางด้าน เคลลี่ คัลลาแฮน กล่าวเสริมว่า “(สเปรย์พ่นจมูกต้านโควิด) อาจเป็นไพ่ใบใหม่ที่จะเปลี่ยนเกมส์การรักษาและการรับมือการโรคต่างๆ นอกเหนือจากโควิดได้ในอนาคต” และการทดลองสเปรย์พ่นจมูกต้านโควิดในมนุษย์อาจจะเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปีนี้