ขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้กำหนดข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเดินทางต่อรัสเซีย และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ ก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่จะต้องกำหนดข้อจำกัดด้านการศึกษาต่อรัสเซียด้วยเช่นกัน
ข้อจำกัดดังกล่าวอาจส่งผลต่อโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างสองประเทศ และอาจทำให้พวกเขาต้องยุติโครงการวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อีกด้วย
สำหรับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ หลายแห่ง ความกังวลแรกคือการนำนักเรียนอเมริกันที่เรียนอยู่ในรัสเซียหรือยูเครนกลับบ้าน ทั้งนี้ มีชาวอเมริกันราว 1,400 คนที่ศึกษาอยู่ในสองประเทศนั้นในปี 2018 แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดใหญ่
เมื่อตอนที่รัสเซียบุกยูเครน Middlebury College ในรัฐเวอร์มอนต์ ได้ระงับโครงการศึกษาต่อต่างประเทศในรัสเซียเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ และยังแนะนำให้นักเรียน 12 คนกลับประเทศทันทีด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
Zavier Ridgley จากมหาวิทยาลัย Tulane ในรัฐนิวออร์ลีนส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนั้นกล่าวว่า เขารู้สึกเสียใจที่ต้องเดินทางกลับบ้าน เขาเรียกโปรแกรมแลกเปลี่ยนนักเรียนในกรุงมอสโกว่าเป็น "โอกาสครั้งเดียวในชีวิต" ของเขา
ส่วนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Dartmouth College แห่งนิวแฮมเชียร์ ก็กำลังยกเลิกโปรแกรมการศึกษาในประเทศรัสเซีย และบางแห่งก็ยุติความสัมพันธ์ทางการเงินและการศึกษาในประเทศอีกด้วย
หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนได้ไม่นาน สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT กล่าวว่กำลังยุติการเป็นพันธมิตรกับโรงเรียน Skoltech ในกรุงมอสโก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีภาษาอังกฤษซึ่ง MIT ช่วยก่อตั้งขึ้นในปี 2011 เนื่องจากไม่สามารถยอมรับได้กับการกระทำของรัสเซียที่มีต่อยูเครน
ทางด้าน University of Colorado กล่าวว่า กำลังยกเลิกการลงทุนทั้งหมดที่มีมูลค่ารวมถึง 3.5 ล้านดอลลาร์ในรัสเซีย การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากผู้ว่าการรัฐโคโลราโดเรียกร้องให้โรงเรียนตัดความสัมพันธ์กับรัสเซีย
ที่รัฐแอริโซนา มหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งกล่าวว่า พวกเขากำลังยุติความสัมพันธ์กับรัสเซีย และทางมหาวิทยาลัย Arizona State กล่าวว่า คณะบริหารธุรกิจจะยุติการติดต่อกับศูนย์ฝึกอบรมในกรุงมอสโก ส่วนผู้ว่าการรัฐโอไฮโอและเวอร์จิเนียได้ขอให้มหาวิทยาลัยของรัฐยุติการลงทุนต่าง ๆ ในรัสเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัย Stanford ยังไม่ยกเลิกสัญญามูลค่า 1.6 ล้านดอลลาร์สำหรับหลักสูตรธุรกิจที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักในรัสเซีย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยกล่าวว่าตนได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วนแล้ว
รายงาน Open Doors Report ประจำปี 2021 ระบุว่า มีนักเรียนจากรัสเซียประมาณ 5,000 คนที่ศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว แต่มีนักเรียนยูเครนในสหรัฐฯ เพียง 2,000 คนเท่านั้น
หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน ส.ส.อเมริกันสองสามคนได้ผลักดันให้มีข้อจำกัดเรื่องวีซ่าสำหรับนักเรียนชาวรัสเซีย และมีการเรียกร้องให้ส่งนักเรียนรัสเซียกลับประเทศด้วย โดย ส.ส. Eric Swalwell กล่าวกับ CNN เมื่อเดือนที่แล้วว่า สหรัฐฯ ควรพิจารณาส่งนักเรียนชาวรัสเซียทุกคนออกจากประเทศ
ทางด้านผู้สนับสนุนการศึกษานานาชาติ กล่าวว่า การสูญเสียนักเรียนเหล่านั้นจะเป็นการสิ้นสุดโอกาสในการเรียนรู้อุดมคติแบบตะวันตก และว่าชาวรัสเซียที่เรียนอยู่ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะต้องการความเปลี่ยนแปลงในบ้านเกิดเมืองนอนของตน
Jill Welch ที่ปรึกษาอาวุโสของกลุ่มอธิการบดีมหาวิทยาลัย Presidents' Alliance on Higher Education and Immigration กล่าวว่า บรรดาผู้นำจำเป็นต้องแยกแยะระหว่างปูตินกับคนรัสเซียที่ต้องการจะมีชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมกล่าวว่า การส่งนักเรียนเหล่านั้นกลับประเทศไม่ได้ทำให้สงครามสั้นลงแต่อย่างใด
- ที่มา: เอพี