ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ขอบคุณโปแลนด์ในความช่วยเหลือ “ครั้งประวัติศาสตร์” ในการระดมการสนับสนุนจากชาติตะวันตกให้กับยูเครน ในระหว่างการเยือนกรุงวอร์ซออย่างเป็นทางการของผู้นำยูเครนเมื่อวันพุธ ขณะที่ยืนยันว่าทหารยูเครนยังปักหลักต่อสู้ในบาคห์มุต ทางตะวันออกของประเทศ แต่เปรยว่าแผนการถอนทหารจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีอยู่ ตามรายงานของรอยเตอร์
ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในสงคราม
ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวหลังจากได้รับมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อินทรีขาว ซึ่งถือเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดและเก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์ว่า “เรา (ยูเครนและโปแลนด์) ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มา และเราซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง .. ผมเชื่อว่านี่คือความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์ ผลลัพธ์แห่งประวัติศาสตร์ และความแข็งแกร่งทางประวัติศาสตร์ที่ประเทศของเรามีร่วมกันมา”
ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา แห่งโปแลนด์ ได้กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับปธน.เซเลนสกี เมื่อวันพุธว่า โปแลนด์จะเดินหน้าให้การรับรองด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมแก่ยูเครน ในเวทีประชุมสุดยอดกลุ่มนาโต้ ที่จะจัดขึ้นในลิทัวเนีย ในเดือนกรกฎาคมนี้ด้วย และว่า “...นี่จะเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพยูเครนให้แข็งแกร่งขึ้น”
โปแลนด์มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ชาติตะวันตกจัดหาอาวุธให้ยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียมาจนถึงทุกวันนี้ และทางปธน.ดูดาแห่งโปแลนด์ มั่นใจว่ายูเครนจะได้รับชัยชนะในความขัดแย้งนี้ “เราไม่กังขาเลยว่าการกระทำของคุณจะช่วยยุโรปจากจักรวรรดินิยมรัสเซียได้” ผู้นำโปแลนด์กล่าว
โอกาสนี้ ปธน.เซเลนสกี ได้เชิญตัวแทนภาคธุรกิจโปแลนด์ให้ไปเยือนยูเครนก่อนสงครามจะสิ้นสุด เพื่อให้โปแลนด์เข้าถึงตลาดยูเครนได้ก่อนการเริ่มต้นการฟื้นฟูประเทศหลังภาวะสงคราม
นับตั้งแต่รัสเซียส่งทหารบุกยูเครนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ปีก่อน โปแลนด์ ได้เดินหน้าจัดหาอาวุธที่มีความสำคัญต่อการสู้รบให้แก่ยูเครน และอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยยูเครนนับล้านชีวิตให้อยู่ในการดูแลของโปแลนด์ และระหว่างการเยือนกรุงวอร์ซอของผู้นำยูเครน ทางรัฐบาลโปแลนด์ ประกาศความช่วยเหลือรอบล่าสุด ด้วยการจัดส่งเครื่องบินขับไล่ MiG อีก 10 ลำ จากที่ได้มอบเครื่องบินรุ่นนี้จำนวน 4 ลำให้แก่ยูเครนไปก่อนหน้านี้
ทางรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน โอเล็กซี เรซนิคอฟ โพสต์ผ่านเทเลแกรมว่า เครื่องบินขับไล่ MiG จากโปแลนด์จะ “เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพอย่างมีนัยสำคัญ เปิดทางให้เราสร้างความปลอดภัยบนน่านฟ้าได้มากขึ้น ช่วยรักษาชีวิตพลเมืองของเรา และยังลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของรัสเซียได้”
นอกจากโปแลนด์แล้ว สหรัฐฯ เพิ่งอัดฉีดความช่วยเหลือให้ยูเครนมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีทั้งระบบเรดาร์สอดแนมทางอากาศ ระบบต่อต้านรถถัง และรถบรรทุกเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้ตอนนี้สหรัฐฯ ส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนในการสงครามนี้ไปมากกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์แล้ว
ส่วนสเปนระบุว่า รถถังเลพพาร์ด 2 เอ 4 จะมุ่งหน้าจากสเปนไปยังยูเครนในครึ่งหลังของเดือนเมษายนนี้ ซึ่งล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้ โดนสเปนได้ฝึกทหาร 40 นาย และนายช่างอีก 15 คนในการใช้และดูแลรักษารถถังดังกล่าวแล้ว และยังมีรถถังเลพพาร์ด 2 อีก 48 คันที่จะจัดส่งทั้งจากเยอรมนี โปแลนด์ และโปรตุเกสให้แก่ยูเครนด้วย
สมรภูมิบาคห์มุต
ส่วนสถานการณ์ในบาคห์มุต ผู้นำยูเครน กล่าวว่ากองทัพยูเครนเผชิญสถานการณ์อันยากลำบากที่นั่น โดยกล่าวว่า “เรายังปักหลักในบาคห์มุตและศัตรูยังไม่สามารถควบคุมเมืองนี้ได้” และรัฐบาลเคียฟจะตัดสินใจ “ให้สอดรับกับสถานการณ์” เพื่อปกป้องพวกเขาหากพบว่าทหารยูเครนตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกห้อมล้อมด้วยกองทัพรัสเซียในพื้นที่
บาคห์มุต ถือเป็นสมรภูมิอันนองเลือดที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามที่รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครนที่ดำเนินมาถึง 14 เดือนแล้ว ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะในพิกัดดังกล่าว
ผู้นำยูเครนกล่าวถึงแผนการถอนทหารในบาคห์มุตด้วยว่า “สำหรับผมแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไม่สูญเสียทหารของเรา และแน่นอนว่าหากมีช่วงเวลาที่เลวร้ายกว่านั้น และมีอันตรายที่ทำให้เราอาจต้องสูญเสียกำลังพลไปเพราะการปิดล้อม (จากทหารรัสเซีย) – แน่นอนว่านายพลที่นั่นจะเป็นฝ่ายตัดสินใจได้อย่างถูกต้องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพยูเครนได้เน้นย้ำความสำคัญในการปักหลักในเมืองบาคห์มุตและเมืองอื่น ๆ ของยูเครนที่เสียหายอย่างหนักจากการต้านทานกองทัพรัสเซียมาโดยตลอด ขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์ของรัสเซีย อ้างการยึดพื้นที่สำคัญของบาคห์มุตเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเคียฟออกมาปฏิเสธ
ด้านสถาบัน Institute for the Study of War ในสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์ได้รุกคืบในบาคห์มุตและมีแนวโน้มที่จะพยายามควบคุมเมืองนี้ และเคลื่อนพลไปทางตะวันตกผ่านย่านชุมชนเมืองในบาคห์มุต แต่รอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันรายงานที่เกิดขึ้นในสมรภูมิดังกล่าวได้
- ที่มา: รอยเตอร์
