เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนี้ เติบโตในระดับที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการว่างงานลดลง ดัชนีหุ้นสูงขึ้น และการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก
นักวิเคราะห์คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปตลอดปีหน้า แต่เชื่อว่าจะมีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นเช่นกัน
แม้จะเกิดความกังวลในช่วงต้นปีหลังจาก ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่สามารถขยายตัวมากนัก แต่ขณะนี้ ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเติบโตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
คุณเกร็ก แมคไบรด์ (Greg McBride) นักวิเคราะห์แห่งเว็บไซต์ Bankrate.com กล่าวว่า การจ้างงานสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผลกำไรของบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ดัชนีหุ้นต่างๆ สูงขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ผิดความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ยังไม่เกิดการผันผวนในตลาดหุ้น
และหลังจากร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งแรกในสภาของ ปธน.ทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวว่า ชาวอเมริกันกำลังตื่นเต้นกับอนาคตที่สดใส และเฝ้าดูรอความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจอเมริกา
ผลสำรวจล่าสุดโดย National Association for Business Economics แสดงให้เห็นว่า บรรดาประชาคมทางเศรษฐกิจต่างๆ ในสหรัฐฯ ต่างตอบสนองในด้านบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในขณะนี้
คุณเคน ไซมอนสัน (Ken Simonson) แห่ง National Association for Business Economics ชี้ว่า ในการสำรวจเมื่อเดือนกันยายน คนอเมริกันส่วนใหญ่ต่างมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในแง่ลบ แต่ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า 60% มองความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ เผชิญ ในแง่บวก
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่ายังมีความท้าทายใหม่ๆ รออยู่ในปีหน้า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งประธานผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเกินไป
นอกจากนี้ คุณมาร์ค แฮมริค (Mark Hamrick) นักวิเคราะห์แห่งเว็บไซต์ Bankrate.com เชื่อว่า การที่ปี ค.ศ. 2018 เป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งกลางเทอม ก็ถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งสำหรับการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกันได้เช่นกัน
สำหรับในภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ระบุว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าจะเติบโตที่ระดับ 3.7% เพิ่มจากระดับ 3.6% ในปีนี้ โดย IMF บอกว่าให้จับตามองเศรษฐกิจยุโรป รวมทั้งเศรษฐกิจของแถบตะวันออกกลางที่ต้องพึ่งพาราคาน้ำมันดิบโลก ที่อาจเกิดการผันผวนได้ในปีหน้า
(ผู้สื่อข่าว Mil Arcega รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)
