องค์การอนามัยโลกเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากทั่วโลกพุ่งสูงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 7 สัปดาห์แล้ว และจำนวนผู้เสียชีวิตปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์ด้วย ขณะที่ การประท้วงต่อต้านคำสั่งปิดธุรกิจของรัฐบาลอิตาลียังคงเดินหน้าและนำไปสู่การปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ในระหว่างการแถลงข่าวประจำวันที่สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ผู้อำนวยการใหญ่ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส กล่าวว่า สถิติที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการยืนยันออกมา แม้มีการนำส่งวัคซีนกว่า 780 ล้านโดสไปทั่วโลกแล้ว พร้อมกล่าวโทษ “ความสับสน การใจเย็นและชะล่าใจ รวมทั้งความไม่ต่อเนื่องของมาตรการด้านสาธารณสุข และการดำเนินการต่างๆ” ที่ทำให้ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้น
เกเบรเยซุส ย้ำด้วยว่า ขณะที่หลักการต่างๆ เช่น การสวมใส่หน้ากาก การรักษาระยะห่างทางสังคม การรักษาสุขอนามัย การทดสอบการติดเชื้อ และการติดตามตัวผู้ติดเชื้อและผู้มีความเสี่ยง คือสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ หลายประเทศยังปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของไวรัส และอนุญาตให้ภัตตาคารร้านอาหาร ไนต์คลับ และตลาดเปิดทำการ โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการร้านอาหารและธุรกิจขนาดเล็กหลายร้อยคนในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งในวันจันทร์ ระหว่างการรวมตัวประท้วงมาตรการสั่งปิดธุรกิจต่างๆ
อิตาลี ถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 หนักที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วกว่า 114,000 คน และรัฐบาลได้สั่งปิดธุรกิจหลายประเภทมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีการอนุญาตให้เปิดบ้างเป็นระยะสั้นๆ ก่อนจะสั่งปิดใหม่ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทนไม่ได้จนต้องออกมาประท้วงติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว
การประท้วงในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นของผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 200 คนที่พื้นที่จัตุรัสใกล้ๆ กับอาคารสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันความต้องการให้รัฐบาลอนุญาตให้ธุรกิจทั้งหมดเปิดทำการอย่างถาวร
เหตุปะทะกันครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้น หลังผู้ประท้วงบางคนพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องผลักดันกลับ จนเกิดการลงมือลงไม้กัน