อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสครั้งใหญ่ในขณะนี้ โดยในช่วงไม่กี่วันมานี้ อินเดียมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันสูงที่สุดในโลก และกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสระลอกที่สองหลังจากที่มียอดผู้ติดเชื้อลดลงติดต่อกันมาหลายสัปดาห์
การระบาดระลอกใหม่ในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งผลต่อการกระจายวัคซีนไปยังประเทศอื่น ๆ เนื่องจากอินเดียเริ่มชะลอการส่งออกวัคซีนจากสถานการณ์การระบาดภายในประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า ชาวอินเดียละเลยมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสหลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อลดลงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เช่น มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนทางการเมืองโดยไม่ใส่หน้ากากเป็นจำนวนมากในห้ารัฐที่มีการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น การจัดเทศกาลทางศาสนานานหนึ่งเดือน โดยแต่ละวันมีผู้เข้าร่วมงานหลายร้อยคนลงอาบน้ำในแม่น้ำคงคาที่รัฐอุตตราขัณฑ์ รวมถึงจัดงานแต่งงานและงานครอบครัวขนาดใหญ่
เพียงหนึ่งวันก่อนที่นครมุมไบจะมียอดผู้ติดเชื้อสูงทึ่สุดเป็นสถิติใหม่ ตลาด รถไฟ และชายหาดของเมืองก็เต็มไปด้วยผู้คน โดยนครมุมไบเพิ่งกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศลดลงเมื่อช่วงสิ้นเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ขณะนี้ ยอดผู้ติดเชื้อของการระบาดระลอกที่สองพุ่งขึ้นสูงเร็วกว่าการระบาดระลอกแรก โดยเมื่อวันพุธ อินเดียระบุว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 115,736 คน ซึ่งเป็นยอดสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส และเชื้อโคโรนาไวรัสที่กลายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล ทำให้การระบาดระลอกใหม่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียอาจยังไม่ใช้มาตรการปิดเมืองทั่วประเทศที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจ แต่ก็เริ่มมีการใช้มาตรการจำกัดการระบาดในพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก เช่น รัฐมหาราษฏระ ซึ่งเป็นรัฐที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากที่สุดของประเทศ และเป็นศูนย์กลางของการระบาดระลอกใหม่ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนทั้งหมดทั่วประเทศอยู่ในรัฐนี้
นครมุมไบประกาศใช้มาตรการปิดเมืองบางส่วนในสัปดาห์นี้ มีการปิดร้านค้า ร้านอาหาร อนุสาวรีย์ และมีการปิดเมืองโดยสมบูรณ์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนกรุงนิวเดลีก็ประกาศห้ามประชาชนออกนอกบ้านตอนกลางคืนเช่นกัน
อินเดียได้เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนมาตั้งแต่เดือนมกราคม เริ่มจากกลุ่มบุคลากรด้านสาธารณสุขและผู้สูงอายุ จากนั้นก็เริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนอายุน้อยที่ทางอินเดียเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้การระบาดพุ่งสูงขึ้น โดยรัฐที่มีการระบาดหนักได้เร่งให้รัฐบาลกลางอินเดียเพิ่มการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนทุกช่วงวัยแล้ว
การเร่งฉีดวัคซีนในประเทศของอินเดีย ทำให้อินเดียชะลอการส่งออกวัคซีนไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย และประเทศในทวีปแอฟริกา ที่พึ่งพาวัคซีนจากอินเดียเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ อินเดียผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ที่มีราคาไม่สูงจำนวนหลายล้านโดสให้ประเทศกำลังพัฒนา และโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งเป็นโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนระดับโลกโดยได้รับการสนับสนุนองค์การอนามัยโลก ซึ่งการที่อินเดียชะลอการส่งออกของวัคซีนนี้ส่งผลกระทบต่อการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประเทศต่าง ๆ และต่อโครงการโคแวกซ์เช่นกัน
อรินดัม บักชิ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ยืนยืนว่า อินเดียจะไม่ระงับการส่งออกวัคซีนถาวร พร้อมระบุว่า อินเดียได้จัดส่งวัคซีนให้ประเทศต่าง ๆ กว่า 80 ประเทศแล้ว และหวังว่าประเทศหุ้นส่วนจะเข้าใจว่าวัคซีนของอินเดียจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ภายในประเทศก่อน
ทั้งนี้ อินเดียจะต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นจำนวนมาก แม้อินเดียจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 87 ล้านโดสแล้ว แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 7 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ โดยการระบาดของไวรัสระลอกที่สองนี้จะส่งผลกระทบไม่เพียงต่ออินเดียเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงประเทศอื่น ๆ ที่รอวัคซีนที่ผลิตจากอินเดียด้วย