จับได้ทุกวัน! ‘ตลาดมืดค้าสัตว์ป่า’ ปัญหามูลค่าพันล้านในสหรัฐฯ

ข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ ชี้ว่ามูลค่าการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย สร้างรายได้ประมาณ 23,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี สะท้อนถึงปัญหาการค้าสัตว์ป่าในสหรัฐฯ ที่ยังรอการแก้ไข

ศูนย์ ไวลด์ไลฟ์ เลิร์นนิง เซนเตอร์ (Wildlife Learning Center – WLC) ที่เมืองซิลมาร์ (Sylmar) รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสถานที่ให้การดูแลสัตว์แปลกและหายากที่ถูกทอดทิ้งมากมาย

หนึ่งในนั้นคือแอลลิเกเตอร์ (Alligator) ที่ชื่อว่า “ฟลัฟฟี” (Fluffy) ที่อดีตเจ้าของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ตัวนี้ อาจถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพราะการครอบครองสัตว์หายากเป็นสัตว์เลี้ยงในที่พักอาศัย โดย Fluffy นั้นถูกย้ายมาที่ศูนย์ WLC หลังจากที่โตขึ้นจนมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเลี้ยงไว้ในอ่างอาบน้ำภายในบ้าน

เดวิด ไรเฮิร์ด ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ WLC กล่าวถึง Fluffy ว่า เป็นแอลลิเกเตอร์สายพันธุ์อเมริกันที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเจ้าของเลี้ยงมันไว้ในอ่างอาบน้ำที่บ้าน จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยมันกลับสู่ธรรมชาติ

อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ “เรจจี้” (Reggie) แอลลิเกเตอร์ที่ถูกพบบริเวณหนองน้ำ ในลอสแอนเจลิส จนกลายเป็นข่าวพาดหัว และต้องใช้เวลาราว 18 เดือนในการประสานงานและย้าย Reggie ไปยังสวนสัตว์แอลเอซึ่งเชื่อว่าเจ้าของเดิมได้แอลลิเกเตอร์ตัวนี้มาจากตลาดมืด

ซารา วอล์คเกอร์ จากสมาคม Association of Zoos and Aquariums (AZA) ยอมรับว่า การเข้าถึงสัตว์แปลกและหายากจากตลาดมืดที่ผิดกฎหมายสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

เธอเล่าว่า “(โดยเฉลี่ยแล้ว) เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัตว์ป่าจากทั่วสหรัฐ ฯ สามารถยึดสัตว์ (ผิดกฎหมาย) ที่ยังมีชีวิตได้ 27 ตัวต่อวัน พวกมันถูกลักลอบนำเข้า ทั้งทางไปรษณีย์ ขนส่งทางเครื่องบิน รวมไปถึงนำติดตัวขึ้นเครื่องบินไปด้วย และที่ไม่น่าเชื่อ ในบางกรณี สัตว์ต่าง ๆ อย่างเช่น นกและเต่า ถูกพันด้วยเทปและมัดติดตัวเอาไว้กับผู้โดยสาร”

ที่สนามบินลอสแอนเจลิส (LAX) ท่าอากาศยานสำคัญทางชายฝั่งตะวันตกสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ตรวจพบสัตว์หายากจำนวนมาก จนนำไปสู่การตัดสินใจจัดนิทรรศการเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะ

วอล์คเกอร์ บอกว่า นิทรรศการนี้ “ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และสนามบิน LAX เป็นพื้นที่ที่สำคัญสำหรับเรา เพราะเป็นสนามบินที่มีความพลุกพล่าน อีกทั้งทุกวัน มีการลักลอบขนย้ายสัตว์ป่ามีชีวิต รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก”

ข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุว่า เหล่านักลักลอบล่าสัตว์และผู้ที่ทำการค้าอย่างผิดกฎหมายทำรายได้อย่างมหาศาลถึงราว 23,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งไรเฮิร์ด ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ WLC ให้ข้อมูลว่า “นก” คือ สัตว์ที่สร้างรายได้มากที่สุด

เขากล่าวว่า นกบางสายพันธุ์ เช่น นกทูแคน (Toucans) และนกแก้วที่ใกล้สูญพันธุ์ ถูกตั้งราคาจำหน่ายไว้สูง ขณะที่ แมวพันธุ์หายาก รวมไปถึงเสือ กลับมีราคาจำหน่ายในตลาดมืดที่ไม่แพงอย่างที่หลายคนคาดเดา

แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ ราว 70% ของสัตว์ป่าหายากที่ถูกลักลอบซื้อขายนี้ตายก่อนที่จะมาถึงตลาดและผู้ซื้อเสมอ ส่วนตัวที่ได้รับการช่วยเหลือมาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานรับเลี้ยงสัตว์ที่มักไม่รู้วิธีเลี้ยงดูที่ถูกต้อง ตามข้อมูลจากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้

• ที่มา: วีโอเอ