สัตว์และพืชหลาย ๆ สายพันธุ์กำลังสูญหายไปในระดับที่น่าตกใจ ปัญหาดังกล่าวนำไปสู่ความพยายามที่จะ "ฟื้นฟูระบบนิเวศ" ที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเคยดำรงอยู่ ก่อนที่การพัฒนาของมนุษย์ มลพิษ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะบีบให้พืชและสัตว์เหล่านั้นสูญหายไป
รายงานขององค์การสหประชาชาติปี 2019 ระบุว่า มีสัตว์จำนวนมากถึง 1 ล้านสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ส่วนกรมป่าไม้ของสหรัฐฯ ก็ประเมินว่ามีการสูญเสียพื้นที่เปิดโล่ง ราว 15,175 ไร่ ไปทุกวันเนื่องจากการเติบโตของเมืองและชานเมืองต่าง ๆ ซึ่งองค์การสหประชาชาติเผยว่า กว่าสองในสามของผู้คนทั่วโลกจะพากันอาศัยอยู่ในเขตเมืองภายในปี 2050
เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างในเรื่องที่การกระทำของมนุษย์ส่งผลให้มีการฟื้นฟูระบบนิเวศเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
โดยเมืองนี้ได้เริ่มกลับมาฟื้นฟูระบบนิเวศ หรือการช่วยเหลือระบบธรรมชาติในบริเวณที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจหมายถึงการรื้อถอนเขื่อนหรือการสร้างอุโมงค์เพื่อเชื่อมต่อกับทางเดินของสัตว์ที่ถูกตัดด้วยถนนอีกครั้ง นอกจากนี้คนงานยังนำสัตว์กลับเข้าไปในพื้นที่ และบรรดาสัตว์นักล่า เช่น หมาป่า ก็ช่วยสร้างสมดุลให้กับสภาพแวดล้อมอีกด้วย
ดีทรอยต์ซึ่งมีประชากรสูงถึง 1.8 ล้านคนในปี 1950 จากนั้นจำนวนประชากรก็เริ่มลดลง ภายในปี 2000 มีประชากรน้อยกว่าหนึ่งล้านคนที่อาศัยอยู่ในเมือง บ้านและอาคารต่าง ๆ หลายพันหลังถูกทิ้งร้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา โครงสร้างบางส่วนถูกทำลาย ทิ้งพื้นที่ว่างเปล่าให้พืชและสัตว์ได้อยู่อาศัย บรรดากลุ่มองค์กรที่ไม่หวังผลกำไรได้เข้ามาปลูกต้นไม้ สวนชุมชน และพืชที่เป็นมิตรต่อแมลงผสมเกสร และโครงการพิเศษยังได้นำนกล่าเหยื่อ เช่น เหยี่ยวออสเปรและเหยี่ยวเพเรกรินกลับมาในพื้นที่เหล่านี้
นอกจากนี้แล้ว นกอินทรีหัวขาวยังกลับเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากมีการห้ามใช้ดีดีทีและยาพิษกำจัดแมลงชนิดอื่น ๆ ทั่วประเทศ กฎหมายต่อต้านมลพิษและการชำระล้างที่สนับสนุนโดยรัฐบาลทำให้แม่น้ำในบริเวณใกล้เคียงดีขึ้นสำหรับปลา ตัวบีเวอร์ และพืชพื้นเมือง อย่างเช่น ขึ้นช่ายป่า เป็นต้น
จอห์น ฮาร์ทิก (John Hartig) แห่งมหาวิทยาลัย University of Windsor ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าศูนย์ Detroit River International Wildlife Refuge อธิบายว่าดีทรอยต์เป็นตัวอย่างที่ดีของการฟื้นฟูระบบนิเวศ และว่ากระบวนการนี้เป็นไปตามธรรมชาติซึ่งตรงกันข้ามกับที่วางแผนไว้ กล่าวคือเมื่อมีการสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดี สิ่งแวดล้อมก็ดีขึ้น และสัตว์สายพันธุ์พื้นเมืองต่าง ๆ ก็กลับมาอยู่ในพื้นที่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ดีทรอยต์ไม่ใช่เมืองเดียวที่พยายามฟื้นฟูระบบนิเวศ
ที่เมืองฮันโนเวอร์ แฟรงก์เฟิร์ต และเดสเซา-รอสเลา ของเยอรมนี ได้กันพื้นที่เอาไว้ ซึ่งรวมถึงทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ และทางน้ำ เพื่อให้ฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติได้ เมื่อดอกไม้ป่าพื้นเมืองเริ่มปรากฏขึ้น นก ผีเสื้อ ผึ้ง และเม่นก็เริ่มกลับเข้ามาด้วยเช่นกัน
ที่กรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษก็กำลังพยายามอย่างมากในการฟื้นฟูเมืองนายกเทศมนตรีซาดิค คาห์น (Sadiq Khan) ประกาศแผนการเมื่อปีที่แล้ว โดยรวมไปถึงการสนับสนุน 45 โครงการเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับด้วงคีม วอเตอร์ โวล หรือสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายหนู และนก เช่น นกนางแอ่นและนกกระจอก
นาตาลี เพ็ทโทเรลลี่ (Nathalie Pettorelli) จาก Zoological Society of London กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และเรากำลังเผชิญกับวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน และไม่มีสถานที่ใดที่ผู้คนจะสามารถมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ได้ดีไปกว่าตามเมืองต่าง ๆ"
เธอกล่าวอีกว่า “ชาวเมืองจำนวนมากหมดความอดทนที่จะอยู่ร่วมกับสัตว์ป่า ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราจะต้องสอนตัวเอง และการที่จะสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในการจัดการกับวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุก ๆ ฝ่าย”
- ที่มา: เอพี