อนามัยโลก รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกทำสถิติสูงสุด ทะลุ 2.2 แสนคน ใน 24 ชั่วโมง ยืนยันส่งทีมนักวิทยาศาสตร์เร่งสืบหาต้นตอโควิด-19 ร่วมกับทางการจีนแล้ว
องค์การอนามัยโลก เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มากกว่า 2.28 แสนคน สูงสุดทำสถิติใหม่ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจากสหรัฐฯ บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้
ด้านดร. ไมค์ ไรอัน หัวหน้าฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า คงเป็นการยากที่โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะหมดไปจากโลก แต่หากสามารถจำกัดกลุ่มการแพร่ระบาดได้ ก็อาจเสี่ยงต่อการระบาดระลอกสอง และไม่ต้องกลับไปบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์กันอีกครั้งได้
ในวันเดียวกันนี้ องค์การอนามัยโลก ยืนยันว่าได้ส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญไปยังประเทศจีน เมื่อวันศุกร์ เพื่อเริ่มต้นการสืบสวนต้นตอของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ที่นำไปสู่การระบาดใหญ่ทั่วโลก
ในการแถลงข่าวที่กรุงเจนีวาเมื่อวันศุกร์ โฆษกอนามัยโลก มาร์กาเร็ต แฮร์ริส กล่าวว่า อนามัยโลกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา 2 คน ไปยังประเทศจีน เพื่อทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีนในพื้นที่ ในการค้นหาต้นตอของการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน
ที่ผ่านมามีความเชื่อว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 เกิดขึ้นจากไวรัสที่แพร่เชื้อจากสัตว์สู่คน และมีต้นตอมาจากตลาดค้าส่ง ในเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีน เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งตลาดนี้ยังคงปิดตัวจนถึงปัจจุบัน
โฆษกอนามัยโลก ย้ำว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญต้องการระบุให้ได้ว่าไวรัสที่ต้นกำเนิดมาจากสัตว์ชนิดใด และกระโดดข้ามสายพันธุ์มาแพร่เชื้อในมนุษย์ได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้มีการตั้งสมมติฐานว่ามาจากค้างคาว แต่ทีมนักวิจัยต้องการทราบเพิ่มเติมว่า ไวรัสมาจากสัตว์ต้นกำเนิดโดยตรง หรือมีสัตว์ที่เป็นตัวกลางแพร่เชื้อหรือไม่
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ยืนยันว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกจะเดินทางเยือนจีน และว่าจีนเป็นฝ่ายเชิญให้เข้าร่วมการสืบสวนต้นตอโควิด-19 เพื่อหาทางรับมือกับการระบาดใหญ่ของไวรัสและเป็นความร่วมมือด้านสาธารณสุขระดับโลก
ขณะที่ภารกิจขององค์การอนามัยโลกครั้งนี้ มีขึ้นไม่กี่วัน หลังจากสหรัฐฯ เริ่มต้นกระบวนการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลกอย่างเป็นทางการเมื่อ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากสหรัฐฯ กล่าวหาว่าอนามัยโลกจัดการกับการระบาดของโควิด-19 ได้ผิดพลาด และมีท่าทีเข้าข้างจีน
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อกว่า 12.3 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 5.6 แสนคน