องค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนว่าสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 กำลังยกระดับขึ้นในรูปแบบใหม่และอันตรายกว่าเดิม พร้อมเตือนว่ามาตรการล็อคดาวน์ยังเป็นหนทางสำคัญในการสกัดกั้นการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดนอม เกเบรเยซุส ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า การระบาดของโคโรนาไวรัสกำลังเข้าสู่ “เฟสใหม่ที่อันตราย” จากตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทำสถิติใหม่ 1.5 แสนรายในวันพฤหัสบดีเพียงวันเดียว ซึ่งนับว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ในทวีปอเมริกา ส่วนที่เหลือเป็นฝั่งเอเชียใต้และตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ นายเกเบรเยซุส ระบุว่า สาเหตุหนึ่ง คือ ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายในการล็อคดาวน์เพื่อลดการระบาดของโควิด-19 สะท้อนได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นหลังผ่อนคลายล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก แต่ผอ.ใหญ่อนามัยโลกย้ำว่ามาตรการล็อคดาวน์ยังจำเป็นต่อการลดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งสามารถระบาดได้อย่างรวดเร็วและอันตราย
ส่วนประเด็นเรื่องการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 นายเกเบรเยซุส ย้ำว่าเป็นหนทางที่ยากลำบาก จากที่ปัจจุบันมีวัคซีน 141 ชนิดอยู่ในการพัฒนา แต่มีเพียง 13 ชนิดที่อยู่ระหว่างการทดสอบในมนุษย์ และที่ผ่านมา มนุษยชาติยังไม่สามารถพัฒนาวัคซีนโคโรนาไวรัสตัวไหนออกมาได้สำเร็จ แต่ถ้าหากทำได้ก็จะถือเป็นวัคซีนโคโรนาไวรัสขนานแรกของโลกก็ว่าได้
ขณะที่ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ในวันศุกร์ ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกแล้วกว่า 8.5 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ที่กว่า 454,000 คนแล้ว โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านคนและอย่างน้อย 118,500 คน
ที่น่าสนใจคือ บราซิลตามติดสหรัฐฯ มาที่ยอดติดเชื้อทะลุ 1 ล้านคนในวันศุกร์ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกือบ 5 หมื่นคน และรัสเซียมาเป็นอันดับ 3 ที่ 5.7 แสนคน