เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาว กล่าวปกป้องการตัดสินใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อดึงงบประมาณด้านการทหารนำมาใช้สร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก
นายสตีเฟ่น มิลเลอร์ ที่ปรึกษาของ ปธน.ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับรายการ Fox News Sunday ในวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถเลือกที่จะไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินก็ได้ แต่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ต้องการทำเช่นนั้น เพราะทราบดีว่าปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมายคือภัยคุกคามประเทศ และว่า อเมริกาจะไม่สามารถเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ได้หากไม่มีความปลอดภัยตามแนวพรมแดน
นายมิลเลอร์ ระบุว่า คำประกาศของ ปธน.ทรัมป์ เป็นไปตามกฎหมายปี ค.ศ. 1976 ที่อนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถประกาศภาวะฉุกเฉินได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเคยมีการประกาศฉุกเฉินแห่งชาติโดยประธานาธิบดีแล้ว 59 ครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ผู้นำสหรัฐฯ พยายามหาทางเลี่ยงการอนุมัติงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐฯ สำหรับโครงการใดโครงการหนึ่งเหมือนในครั้งนี้
นายมิลเลอร์ยังกล่าวอีกว่า โครงการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนความยาว 320 กม. จะเริ่มขึ้นก่อนเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2020 ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ ปธน.ทรัมป์ จะเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่สอง
ทางด้าน รักษาการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แพทริค แชนาแฮน กล่าวว่า ตนยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อตัดสินใจว่าจะจัดสรรงบประมาณทางทหารก้อนไหนให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อใช้ในการสร้างกำแพงดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้ จะทำให้ ปธน.ทรัมป์ มีงบประมาณพิเศษราว 8,000 ล้านดอลลาร์ ที่สามารถนำไปใช้สำหรับสร้างกำแพงได้
ผู้นำพรรครีพับลิกันยืนยันสนับสนุนการประกาศภาวะฉุกเฉินของทรัมป์ แต่ทางผู้นำพรรคเดโมแครตในรัฐสภาต่างต่อต้านแนวคิดนี้ โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พรมแดนสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก ยังไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติดังที่ ปธน.ทรัมป์ กล่าวอ้าง และเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาตัดสินกรณีนี้
หากการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้เข้าสู่กระบวนการตัดสินทางกฎหมายจริง อาจทำให้โครงการก่อสร้างกำแพงของ ปธน.ทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไปหลายเดือน หรืออาจเป็นปี
ทางด้านผู้นำพรรคเดโมแครตในรัฐสภาสหรัฐฯ คือ ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงส่วนน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ มีแถลงการณ์ตำหนิคำประกาศของ ปธน.ทรัมป์ ว่าเปรียบเสมือนการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เนื่องจากวิกฤติการณ์ฉุกเฉินที่ ปธน.ทรัมป์ อ้างถึงนั้น ไม่มีอยู่จริง
และว่า การดึงงบประมาณด้านการทหารไปใช้สร้างกำแพงที่ไร้ประโยชน์ จะยิ่งทำให้ประเทศอ่อนแอ