ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติในวันศุกร์ เพื่อดึงงบประมาณด้านอื่น รวมทั้งงบประมาณทางการทหารมาสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก
ปธน.ทรัมป์ กล่าวปราศรัยเตือนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโกในขณะนี้ โดยระบุถึง "กลุ่มอาชญากร" และการขนส่งยาเสพติดและการค้ามนุศย์ข้ามชายแดนเข้ามาในสหรัฐฯ พร้อมกับขบวนคาราวานผู้อพยพจากอเมริกากลาง ซึ่งจำเป็นต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามเหล่านี้
นักวิเคราะห์คาดว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้ จะทำให้ ปธน.ทรัมป์ มีงบประมาณพิเศษราว 8,000 ล้านดอลลาร์ ที่สามารถนำไปใช้สำหรับสร้างกำแพงได้
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในร่างกฎหมายที่จะให้มีการก่อสร้างสิ่งกีดขวางตามแนวพรมแดนบางส่วนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ในวันศุกร์เช่นกัน
โดยร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ที่มีความหนา 1,159 หน้า จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ รอบใหม่หลังวันศุกร์นี้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปลายเดือนธันวาคม ต่อเนื่องมาถึงปลายเดือนมกราคม รวมเวลา 35 วัน
สำหรับข้อตกลงที่ทั้งสองพรรคสามารถตกลงกันได้ครั้งล่าสุด มีการจัดสรรงบประมาณ 1,375 ล้านดอลลาร์สำหรับสร้าง “สิ่งกีดขวางตามแนวพรมแดน” ขึ้นมาใหม่เป็นระยะทางราว 88 กม. ซึ่งลดลงเหลือเพียง 1 ใน 4 ของงบประมาณที่ ปธน.ทรัมป์ เสนอไปตอนแรก
ผู้นำพรรครีพับลิกันยืนยันสนับสนุนการประกาศภาวะฉุกเฉินของทรัมป์ แต่ทางผู้นำพรรคเดโมแครตในรัฐสภาต่างต่อต้านแนวคิดนี้ โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พรมแดนสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก ยังไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติดังที่ ปธน.ทรัมป์ กล่าวอ้าง และเตรียมที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาตัดสินกรณีนี้
หากการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้เข้าสู่กระบวนการตัดสินทางกฎหมายจริง อาจทำให้โครงการก่อสร้างกำแพงของ ปธน.ทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไปหลายเดือน หรืออาจเป็นปี
ทางด้านผู้นำพรรคเดโมแครตในรัฐสภาสหรัฐฯ คือ ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงส่วนน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ มีแถลงการณ์ตำหนิคำประกาศของ ปธน.ทรัมป์ ว่าเปรียบเสมือนการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เนื่องจากวิกฤติการณ์ฉุกเฉินที่ ปธน.ทรัมป์ อ้างถึงนั้น ไม่มีอยู่จริง
และว่า การดึงงบประมาณด้านการทหารไปใช้สร้างกำแพงที่ไร้ประโยชน์ จะยิ่งทำให้ประเทศอ่อนแอ
ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนเตือนว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่พรรคเดโมแครตอาจนำมาใช้จัดการกับกรณีอื่นๆ ในอนาคต เมื่อถึงคราวที่พรรคเดโมแครตได้เป็นรัฐบาลบ้าง เช่น การประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อคว่ำบาตรอาวุธปืนบางประเภท