รัฐบาลพันธมิตรชาติตะวันตกเริ่มมีมุมมองที่ต่างกันเกี่ยวกับท่าทีของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินต่อยูเครน แม้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกองทัพต่างๆ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญอิสระจะเห็นพ้องกันว่า รัสเซียได้ทำการสั่งสมกำลังทหารตามแนวชายแดนมากเพียงพอที่จะบุกประเทศเพื่อนบ้านทางด้านตะวันตกของตนแล้ว
ในเวลานี้ รัฐบาลกรุงวอชิงตันและกรุงลอนดอนเชื่อว่า รัสเซียไม่ได้เสแสร้งแกล้งว่าจะบุกยูเครน และว่า กองทัพของเครมลินที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดนยูเครนนั้นไม่ได้เพียงเพื่อสร้างภาพว่าจะทำการรุกคืบ แต่เป็นการแสดงความพร้อมที่จะยกทัพรุกรานจริงๆ
เบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอังกฤษ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า แม้ว่าจะมีการยกระดับความพยายามด้านการทูตขึ้นมามากมายแล้ว สิ่งที่น่ากังวลในเวลานี้ก็คือ การสั่งสมกำลังทหารของรัสเซียที่ยังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยไม่มีการหยุดพักใดๆ เลย
การแสดงความกังวลของรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษนี้มีออกมา ขณะที่สถานทูตอังกฤษ ณ กรุงเคียฟทำการลดธงของตนลงในวันอาทิตย์ และเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีคำสั่งลงมาให้ปิดทำการในวันจันทร์เสีย ขณะที่เฉพาะเอกอัครราชทูตและทูตทหารเท่านั้นที่จะคงประจำการอยู่ในพื้นที่สถานทูตต่อไป
แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีกลับเชื่อว่า สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนยูเครนและรัสเซียจะไม่ยกระดับขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลข่าวกรองของเพนตากอนและหน่วยงานอื่นๆ ของสหรัฐฯ ที่มีการแบ่งปันให้กับรัฐบาลพันธมิตรนาโต้ และประเมินว่า แผนการบุกของรัสเซียนั้นอาจเกิดขึ้นเร็วสุดในวันพุธนี้
รายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาคร็อง และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ร่วมหารือกันเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมงเมื่อวันเสาร์ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศสเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า ผู้นำรัสเซียไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า “ตนกำลังจะทำการรุกรานใดๆ”
และขณะที่รัฐบาลกรุงปารีสยังคงจับตาดูสถานการณ์พร้อมระวังภัยอย่างต่อเนื่อง สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในยุโรปเดินหน้าแนะให้ชาวต่างชาติในยูเครนเดินทางออกจากประเทศนี้ทันทีกันแล้ว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนแสดงความไม่พอใจอย่างมากในวันอาทิตย์ ที่รัฐบาลชาติตะวันตกทั้งหลายสั่งให้มีการอพยพเจ้าหน้าที่ของตนในยูเครนแล้ว โดยกล่าวว่า การทำเช่นนั้นยิ่งเป็นเหมือนการหนุนให้เครมลินได้ใจ