ปัญหาความปลอดภัยด้านอาหารกลายเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในเวียดนาม ผู้ขายอาหารตามท้องถนนมักใช้น้ำมันปรุงอาหารที่ผ่านการใช้เเล้วมาหลายครั้งจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพและมีการโพสต์ภาพวิดีโอผู้ขายอาหารคนหนึ่งกำลังใช้สีย้อมผักเพื่อให้มีสีสันมากขึ้นเเละในเดือนเมษายน มีคนถูกจับกุม 5 คนเพราะผสมสารเคมีจากถ่านเเบตเตอร์รี่ลงในกาแฟเเละพริกไทย
ปัญหาอาหารเป็นพิษทำให้เกิดความเสียหายต่อผลิตภาพของประเทศ โดยมีตั้งแต่ชาวเวียดนามเจ็บป่วยและต้องขาดงาน ไปจนถึงเกษตรกรต้องทำลายทิ้งผลผลิตที่เสียหรือต้องทำลายไก่ที่ตายก่อนวัย
ในเวียดนาม อันตรายจากอาหารเป็นพิษใกล้ตัวผู้บริโภคมากเเละเกิดขึ้นทั่วไป โดยเกิดขึ้นได้ทั้งกับอาหารที่ขายตามท้องถนน ไปจนถึงอาหารที่เสริฟในโรงเเรมห้าดาว
ความกังวลต่อความปลอดภัยของอาหารทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อภาคธุรกิจอาหารเเละเครื่องดื่มของเวียดนาม บริษัทร้านอาหารประเภท chain อย่างร้าน Pho Hung หรือ Thai Express กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นแบบทวีคูณและยังมีร้านสะดวกซื้อเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 7-Eleven ที่เข้าไปบุกตลาดชาติคอมมิวนิสต์แห่งนี้ในปี 2017 เพื่อเเข่งกับ Circle K จากอเมริกา ร้าน Family’s Mart ของญี่ปุ่นเเละ Coopmart ของเวียดนาม
ผู้บริโภคในเวียดนามรู้จักยี่ห้อเหล่านี้เเละเชื่อว่าปลอดภัยกว่าหากไปซื้อหอยเเครงหรือผักที่บรรจุในหีบห่อพลาสติกภายในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านที่ติดแอร์ เมื่อเทียบกับตลาดสด
Le Thi Minh Trang ผู้อำนวยการด้านคุณภาพที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต Auchan Vietnam กล่าวว่าประเด็นอยู่ที่การปรับตัวเข้ากับความต้องการของผู้บริโภค
เธอกล่าวว่าบริษัทของตนรับซื้อสินค้าผลิตในประเทศถึงร้อยละ 90 มีการควบคุมคุณภาพด้วยการบังคับให้ซับพลายเออร์ทำตามมาตรฐาน ยกตัวอย่าง ซับพลายเออร์บางเเห่งต้องมีใบรับรองคุณภาพ มีการรับประกันว่าทำตามระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการเกษตรกรรมเเละข้อกำหนดอื่นๆ
ส่วนบริษัท Phoenix บริษัทค้าข้าวรายใหญ่ที่กำลังแก้ปัญหาชาวนาฉีดยาฆ่าเเมลงเเละยาฆ่าหญ้าทั้งไร่ จนทำให้มีสารเคมีตกค้าง ทางบริษัทได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อทำการเอาน้ำออกจากนาข้าวเร็วขึ้นเพื่อลดความจำเป็นในการใช้ยากำจัดเชื้อรา
วิเวก ชาร์มา ประธานฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัท Phoenix กล่าวว่ามีการใช้สารเคมีทางการเกษตรกันมากในเวียดนาม เขากล่าวในงานประชุมความปลอดภัยของอาหารในเมืองโฮจิมินห์ จัดโดยฝ่ายการเงินระหว่างประเทศของธนาคารโลก
แต่มีความเสี่ยงว่าอาจจะเกิดผลกระทบที่ไม่ต้องการขึ้นจากความพยายามสร้างความปลอดภัยเเก่อาหาร เพราะเริ่มมีร้านรวงต่างๆในเวียดนามที่เริ่มใช้คำว่า “อินทรีย์” (Organic) หรือ “เขียวเเละสะอาด” บนฉลากสินค้าของตนเพื่อเอาผลประโยชน์ โดยไม่สามารถรับประกันได้ว่าจริงหรือไม่
ธนาคารโลกชี้ว่าชาวเวียดนามยังซื้ออาหารอย่างน้อยร้อยละ 80 จากตลาดสดดั้งเดิมทั่วไปหรือจากคนขายอาหารตามข้างถนน ผู้บริโภคหลายคนบอกว่าไม่มีกำลังเงินพอที่จะไปซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตและชอบซื้อของในตลาดสดเพราะได้ของสดที่มาจากเกษตรกรหรือชาวประมงโดยตรง
ผลการสำรวจผู้บริโภคล่าสุดชี้ว่าชาวเวียดนามพร้อมที่จ่ายเเพงขึ้นเพื่อซื้ออาหารที่ปลอดภัยเเละธนาคารโลกชี้ว่าปัญหาความปลอดภัยของอาหารกลายเป็นความกังวลใหญ่ที่สุดของชาวเวียดนาม โดยสำคัญกว่าปัญหาการคอรับชั่นหรือปัญหาค่าครองชีพเสียอีก
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)