เมื่อวันศุกร์ปลายสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมทางไกลซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดขึ้นเพื่อระดมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการพัฒนาวัคซีนและยาสำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ถึงแม้องค์การอนามัยโลกจะส่งคำเชิญถึงรัฐบาลสหรัฐหลายครั้งก็ตาม
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า การปฎิเสธบทบาทขององค์การอนามัยโลกที่ว่านี้ดูจะเป็นตัวอย่างหนึ่งจากรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อลดบทบาทของหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศนี้ลง ขณะที่สหรัฐกำลังพยามกล่าวโทษองค์การอนามัยโลกว่ามีส่วนทำให้มีการระบาดใหญ่ของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไปทั่วโลก
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกำลังยกเลิกการอ้างอิงถึงองค์การอนามัยโลกในเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสดังกล่าว และรัฐบาลสหรัฐซึ่งได้ประกาศระงับการให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลกเป็นเวลา 60 วัน ก็กำลังหาทางจัดสรรเงินไปให้หน่วยงานเอ็นจีโออื่น ๆ โดยไม่ผ่านองค์การอนามัยโลกอีกต่อไป
หลังจากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ขอให้ประเทศพันธมิตรต่าง ๆ ของสหรัฐ ตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือขององค์การอนามัยโลก และโจมตีเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางที่ไม่จำเป็นขององค์การแห่งนี้
รวมทั้งตำหนิองค์การอนามัยโลกว่า ไม่ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ได้จากจีน และกล่าวหาองค์การอนามัยโลกว่าช่วยส่งเสริมข้อมูลที่บิดเบือนจากจีน และมีอคติลำเอียงเข้าข้างจีนด้วย
โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างมากมายจากความผิดพลาดขององค์การอนามัยโลก
แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพยายามใช้องค์การอนามัยโลกเป็นแพะรับบาป จากการที่ตนตอบสนองต่อการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ช้าเกินไป และไม่ได้ประกาศใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมโรคนี้อย่างเพียงพอ
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตัวแทนรัฐบาลสหรัฐและเจ้าหน้าที่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคซึ่งทำงานอยู่ในองค์การอนามัยโลกแห่งนี้ ได้ส่งข้อมูลเตือนภัยเกี่ยวกับการระบาดของโคโรนาไวรัสในประเทศจีนมาให้ประธานาธิบดีทรัมป์ก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ
นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ กับนางอิวังก้า ทรัมป์ บุตรสาว ได้สนทนาพูดคุยฉันมิตรกับนายเทรโดส แอดฮานอม เกรเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยนายเกรเบรเยซุส นักจุลชีวะวิทยาชาวเอธิโอเปียผู้นี้ ก็ได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐให้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกก่อนหน้านี้ด้วย
ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์นั้น ความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อกล่าวโทษและลดบทบาทขององค์การอนามัยโลก นับตั้งแต่การระงับการให้เงินสนับสนุนการทำงานซึ่งเมื่อปีที่แล้วสหรัฐให้เงินราว 550 ล้านดอลลาร์ ไปจนถึงอาจเสนอให้มีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการใหญ่เป็นข้อแลกเปลี่ยน และการเสนอตั้งหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นขึ้นเพื่อทำงานแทนองค์การอนามัยโลกในเรื่องโควิด-19 นี้ ทำให้หลายฝ่าย ซึ่งรวมทั้งสมาชิกรัฐสภาของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมีความกังวล อย่างเช่น วุฒิสมาชิกรอย บลันท์ ของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะกำจัดผู้ร่วมงานใด ๆ แม้ว่าสหรัฐอาจรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหนก็ตาม
ท่าทีดังกล่าวก็ดูจะสอดคล้องกับความเห็นของผู้นำโลกรายอื่น ๆ ที่ชี้ว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมถ้าจะด่วนเปลี่ยนแปลงเรื่องที่สำคัญท่ามกลางปัญหาความไม่แน่นอน และว่าการสอบหาข้อเท็จจริงเรื่องการทำงานที่ผิดพลาดขององค์การอนามัยโลกนั้น สามารถจะทำได้หลังจากที่วิกฤติเรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้ว
ในขณะที่ผู้เกี่ยวข้องในสหรัฐหลายคนเตือนว่า การถอนความสนับสนุนของสหรัฐจากองค์การอนามัยโลกจะยิ่งทำให้สหรัฐต้องเสียบทบาทการนำให้กับจีนนั้น นายริชาร์ด โกแวน นักวิเคราะห์นโยบายอาวุโสของหน่วยงาน International Crisis Group ก็ชี้ว่าหากวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้สามารถสอนบทเรียนอะไรบางอย่างได้ เรื่องที่ว่านั้นก็คือ เราต้องการการทำงานเพื่อประสานร่วมมือระดับระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดและดีขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาท้าทายด้านสุขภาพที่สำคัญระดับโลกนั่นเอง