เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เตือนรัสเซียถึง "วิกฤติร้ายแรงที่จะตามมา" หากรัสเซียใช้นิวเคลียร์โจมตียูเครน
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวต่อรายการ “This Week” ของสถานีเอบีซี ในวันอาทิตย์ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่รัสเซียว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะตอบโต้อย่างเด็ดขาด หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งการให้โจมตียูเครนด้วยอาวุธนิวเคลียร์ แต่มิได้ระบุว่าจะตอบโต้อย่างไร
คำกล่าวของเจ้าหน้าที่อเมริกันมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีปูตินส่งสัญญาณว่า อาจใช้การโจมตีด้วยนิวเคลียร์พร้อมไปกับการส่งกำลังพลสำรอง 300,000 คนเข้าไปสมทบในยูเครน ท่ามกลางรายงานข่าวว่ารัสเซียกำลังถอยร่นในสงครามครั้งนี้
เจค ซัลลิแวน ยังกล่าวถึงการลงประชามติที่กำลังดำเนินอยู่ใน 4 เขตปกครองของยูเครนซึ่งมีเป้าหมายหาความชอบธรรมในการแยกตัวออกจากยูเครนเพื่อเข้าร่วมกับรัสเซีย โดยบอกว่า มิได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งหรือศักยภาพของทางฝั่งรัสเซียแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับรายการ “Face the Nation” ของสถานีซีบีเอสว่า ชาวยูเครนที่ปฏิเสธเข้าร่วมกับการลงประชามติครั้งนี้จะถูกทหารรัสเซียทำโทษ "พวกเขาอาจถูกตัดไฟฟ้าหรือไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ... ทหารรัสเซียใช้วิธีบังคับขู่เข็ญ จับกุมคุมขัง กดดันให้ประชาชนออกมาลงคะเนนเสียงในประชามติปลอม ๆ " และว่า รัสเซียยังบังคับให้ประชาชนในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองไว้ให้จับปืนสู้กับทหารยูเครนด้วย
เซเลนสกี ยืนยันว่า ยูเครนและประชาคมโลกไม่สนับสนุนการลงประชามติครั้งนี้ และถือเป็นสัญญาณอันตรายจากปูตินว่าไม่ต้องการให้สงครามครั้งนี้ยุติลง
"ปูตินรู้ดีว่ากำลังจะแพ้ในสงคราม... ยูเครนยึดพื้นที่คืนมาได้มาก ซึ่งปูตินไม่สามารถอธิบายต่อประชาชนของตนเองได้ว่าทำไม" เซเลนสกีกล่าว
ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า ปูตินอาจตัดสินใจโจมตียูเครนด้วยนิวเคลียร์จริง ๆ "ปูตินต้องการทำให้ทั่วโลกหวาดกลัว นี่ถือเป็นก้าวแรกของการแบล็คเมลด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเชื่อว่ามีโอากสเกิดขึ้นจริง" แต่ก็ชี้ด้วยว่า "ประชาคมโลกต่างต่อต้านการคุกคามจากรัสเซีย เราจำเป็นต้องกดดันต่อไปเพื่อไม่ให้ปูตินเดินหน้าเรื่องนี้"
เซเลนสกีกล่าวว่า ปูตินกำลังทำทุกอย่างเพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพยูเครนและทำให้เราอ่อนแอลง และตนคือเป้าหมายหลักในฐานะผู้นำของประเทศนี้ แต่ภัยคุกคามดังกล่าวยิ่งทำให้ยูเครนรวมกันเป็นหนึ่งยิ่งกว่ายุคสมัยอื่น ๆ ตลอด 31 ปีที่แยกตัวมาจากสหภาพโซเวียต
- ที่มา: วีโอเอ