ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รมว.คลังสหรัฐฯ เยือนจีน-หารือประเด็นการค้าและการผลิต


รมว.คลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน ขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกว่างโจว ไป่หยุน ในมณฑลกว่างโจว ประเทศจีน เมื่อ 4 เม.ย. 2567
รมว.คลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน ขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกว่างโจว ไป่หยุน ในมณฑลกว่างโจว ประเทศจีน เมื่อ 4 เม.ย. 2567

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน เดินทางถึงจีนในวันพฤหัสบดีเพื่อทำการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 5 วันและเข้าร่วมการประชุมมากมายที่มีจุดประสงค์ในการหาทางป้องกันความขัดแย้งระหว่างสองประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจโลก ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

ภาวะตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงดำเนินต่อไปในหลากประเด็น ตั้งแต่เรื่องที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ ขณะที่ กรุงวอชิงตันก็เร่งเพิ่มการสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีในประเทศอยู่ ไปจนถึงความแตกต่างด้านนโยบายการค้า ประเด็นเจ้าของแอปพลิเคชันติ๊กตอก (TikTok) และการเข้าถึงชิปประมวลผลคอมพิวเตอร์ รวมทั้งประเด็นความมั่นคงแห่งชาติ

ทั้งหมดนี้ล้วนหมายถึงความเสี่ยงที่ทำให้ทั้งสองประเทศต้องใส่ใจในการดูแลจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยความระมัดระวัง

ในการเยือนจีนครั้งนี้ รมต.เยลเลนเริ่มต้นด้วยการเดินทางไปยังเมืองกว่างโจว ก่อนจะไปที่กรุงปักกิ่งเพื่อประชุมกับผู้นำภาคการเงินการคลังและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงรองนายกรัฐมนตรี เหอ หลีเฟิง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน พาน กงเซิ่ง และอดีตรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ รวมทั้งผู้บริหารธุรกิจอเมริกันในจีน นักศึกษามหาวิทยาลัยและผู้นำท้องถิ่น

เยลเลน บอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างการเดินทางว่า การเยือนจีนของเธอจะเป็น “การต่อยอดการหารือ” ที่มีมาตั้งแต่เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกันที่อินโดนีเซียเมื่อปี 2022

เมื่อเร็ว ๆ นี้ รมว.คลังเพิ่งกล่าวหาจีนว่า ให้การสนับสนุนสินค้าของประเทศอย่างหนักเพื่อส่งออกจนท่วมตลาดโลก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่กลุ่ม “พลังงานสีเขียว” เช่น แผงโซลาร์เซลล์และรถไฟฟ้า (electric vehicles – EVs) ที่ทำให้ประเทศอื่น ๆ ซึ่งกำลังพยายามพัฒนาสินค้าของตนมีปัญหาไม่สามารถเดินหน้าโครงการที่ว่าได้

รมต.เยลเลน บอกกับผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปจีนว่า “เราต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน” และว่า “เรามีความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของจีนที่ส่งผลให้เกิดภาวะตลาดที่อุปทานมากกว่าอุปสงค์ (overcapacity)”

ทั้งนี้ จูน แบลนเชตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนแห่ง Center for Strategic & International Studies ให้ความเห็นว่า ความพยายามของรัฐบาลปธน.ไบเดนในช่วงปีที่ผ่านมาในการสร้างเสถียรภาพให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดูได้ผลชัดเจนดี แต่ก็ยังมี “จุดเสียดทาน” หลัก ๆ หลายจุดที่ยังรอการแก้ไขและน่าจะยังคงเป็นความท้าทายต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนต่อไปอีกระยะ

  • ที่มา: เอพี

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG