ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 57,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดในรอบ 9 ปีครึ่ง โดยยอดการนำเข้าและส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ ต่างเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 18.6% อยู่ระดับ 29,300 ล้านดอลลาร์ ในเดือนกุมภาพันธ์
ข่าวเรื่องดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นนี้มาพร้อมกับการใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีซึ่งกันและกัน ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องสงครามการค้าโลก และส่งผลกระทบให้เกิดความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ามีขึ้นเพื่อลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ และปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม โจเอล นารอฟฟ์ (Joel Naroff) นักเศรษฐศาสตร์แห่งบริษัท Naroff Economic Advisors กล่าวกับรอยเตอร์ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังขยายตัวรวดเร็วในขณะนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้า" และว่า "การที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจะส่งผลให้ราคาสินค้าในประเทศสูงขึ้น มากกว่าจะแก้ปัญหาพื้นฐานของการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ"
เมื่อวานนี้ จีนประกาศว่าจะใช้มาตรการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีน เป็นมูลค่าราว 50,000 ล้านดอลลาร์เช่นกัน
กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่า จะขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 106 รายการ รวมทั้ง ถั่วเหลือง ฝ้าย เนื้อวัวแช่แข็ง เครื่องบิน และรถยนต์