จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าหลายอย่างจากสหรัฐฯ รวมทั้ง เนื้อหมู และผลไม้ รวม 128 รายการ คิดเป็นมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่มีผลมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม รวมทั้งการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรวมมูลค่าราว 60,000 ล้านดอลลาร์
กระทรวงการคลังจีนระบุว่า จะเก็บภาษีสินค้าเนื้อหมูและชิ้นส่วนอะลูมิเนียมจากสหรัฐฯ เพิ่ม 25% และเก็บภาษีผลไม้จากสหรัฐฯ เพิ่ม 15% โดยมีผลบังคับใช้ทันที
คาดว่ามาตรการล่าสุดของจีนจะส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรของอเมริกา ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของ ปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เมื่อปีที่แล้ว เกษตรกรอเมริกันส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าราว 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะสินค้าเนื้อหมูที่สหรัฐฯ ส่งไปยังจีนนั้นมีมูลค่าราว 1,100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของเนื้อหมูจากสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน คาดว่าในช่วงปลายสัปดาห์นี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกกำหนดภาษีเพิ่ม ภายใต้เหตุผลเรื่องการตอบโต้กับปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของจีน โดยรายชื่อดังกล่าวอาจมีมูลค่าระหว่าง 50,000 ล้าน – 60,000 ล้านดอลลาร์
คาดว่ามาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของจีน ที่ชื่อว่า “Made in China 2025” ซึ่งรวมถึง ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีหุ่นยนต์และการบิน วิศวกรรมทางทะเล เทคโนโลยีด้านการคมนาคมขนส่งต่างๆ รวมทั้งด้านพลังงานและการเกษตรด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการนี้จะยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที แต่อาจเป็นช่วงสองเดือนจากนี้
