ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2019 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากการหดตัวของการนำเข้า ขณะที่การส่งออกปรับลดลงเล็กน้อย
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า มูลค่าสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ในปีที่แล้วอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือลดลง 0.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนการมูลค่าการนำเข้าตลอดปี ค.ศ. 2019 อยู่ที่ 126,600 ล้านดอลลาร์ หรือลดลง 19.35% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้วยเหตุนี้ ภาวะดุลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในปีที่แล้วจึงขาดดุล 616,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับลง 1.7% เมื่อเทียบกับตัวเลขของปี ค.ศ. 2018
เมื่อดูในรายละเอียด ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากปรับลงของการค้าในกลุ่มสินค้ายานยนต์และเครื่องใช้ต่างๆ ขณะที่ การท่องเที่ยวและบริการธุรกิจธนาคารบันทึกตัวเลขเกินดุลที่หดลงเล็กน้อย
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงถึง 17.6% มาอยู่ที่ 345,600 ล้านดอลลาร์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสั่งเก็บภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจีนมูลค่า 360,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ลำจีนที่พยายามชิงตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีในเวทีโลก
ขณะเดียวกัน การขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกปรับขึ้น 26.2% มาเป็น 101,800 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับตัวเลขการขาดดุลกับสหภาพยุโรปที่ขยายตัวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 177,900 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการปรับขึ้น 5.5% จากปีก่อนหน้า
ประธานาธิบดีทรัมป์ คอยย้ำสัญญากับชาวอเมริกันว่ารัฐบาลปัจจุบันจะพยายามดันตัวเลขขาดดุลการค้าให้ลง เนื่องจากนี่คือสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจ และภาวะการค้าที่ไม่เป็นธรรม แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะแย้งว่า ภาวะขาดดุลการค้านั้นเป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายการค้า กล่าวคือ ชาวอเมริกันใช้จ่ายเพื่อซื้อหา มากกว่าที่จะผลิตเพื่อใช้ ทำให้ต้องนำเข้ามากเพื่ออุดช่องโหว่