เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อันโตนิโอ กูเทอเรซ ระบุในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันอาทิตย์ว่า สำนักงานกํากับดูแลภายในของสหประชาชาติ (U.N. Office of Internal Oversight Services) ได้เปิดการสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่ 12 คนของสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (United Nations Relief and Works Agency for Palestine Refugees - UNRWA) ข้องเกี่ยวกับการโจมตีรุนแรงโดยกลุ่มฮามาสเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
กูเทอร์เรซ เปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ 9 จาก 12 คนที่ถูกกล่าวหา “ถูกระบุตัวและเลิกจ้างโดยทันที” แล้ว ขณะที่ มี 1 คนเสียชีวิตไปแล้ว และกำลังมีการยืนยันตัวตนของผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 คนอยู่
เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นกล่าวว่า พนักงานคนใดก็ตามขององค์การสหประชาชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายจะต้องออกมารับผิดชอบต่อการกระทำของตน “ซึ่งรวมถึงการเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีทางอาญาด้วย” พร้อมยืนยันว่า ยูเอ็น “พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานทางการที่มีอำนาจสามารถทำการฟ้องร้องบุคคลทั้งหลายที่เป็นไปตามกระบวนการปกติของสำนักงานเลขาธิการภายใต้ความร่วมมือที่ว่านี้”
นอกจากนั้น กูเทอร์เรซยังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ที่ระงับการส่งเงินช่วยเหลือแก่ UNRWA เนื่องจากกรณีข้อกล่าวหาข้างต้น ให้กลับมาให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยพลเรือนราว 2 ล้านคนในฉนวนกาซ่าที่ต้องพึ่งพาสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติให้อยู่รอดในแต่ละวันต่อไป รวมทั้งเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่อีกนับหมื่นคนของหน่วยงานนี้ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ออกมาร้องขอให้หาหน่วยงานอื่น ๆ “ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนาและการสร้างสันติสุขอันแท้จริง” มาแทนที่ UNRWA และโพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ให้ประเทศอื่น ๆ ทำตามอย่างสหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา อังกฤษ อิตาลีและฟินแลนด์ด้วยการหยุดให้เงินสนับสนุนหน่วยงานดังกล่าวของยูเอ็นด้วย
รายงานข่าวระบุว่า จนถึงบัดนี้ เก้าประเทศประกาศระงับการส่งเงินช่วยเหลือ UNRWA แล้ว
ฟิลลิป ลาสซารินิ หัวหน้า UNRWA กล่าวว่า การลงโทษหน่วยงานและชุมชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องถือเป็น “การไร้ความรับผิดชอบอย่างมาก” โดยเฉพาะเมื่อชาวปาเลสไตน์ยังประสบภัยและทนทุกข์หนักอยู่
ลาสซารินิ โพสต์ข้อความทางแพลต์ฟอร์มเอ็กซ์ (X) เกี่ยวกับประเทศทั้งหลายที่ระงับการนำส่งเงินช่วยเหลือว่า ตน “รู้สึกช็อกต่อการตัดสินใจเช่นนั้น ที่อ้างอิงเพียงพฤติกรรมที่มีกล่าวอ้างถึงของคนไม่กี่คน ขณะที่ สงครามยังคงเดินหน้าต่อไป ความต้องการ(ความช่วยเหลือ)ก็กำลังพุ่งสูง และภาวะความอดอยากรุนแรงก็กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาอยู่”
สถานการณ์ในสนามรบ
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า อิสราเอลจะ “ตัดสินใจและดำเนินการตามสิ่งที่ต้องทำเพื่อความมั่นคง(ของประเทศ)” โดยคำประกาศนี้เป็นการตอบโต้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ออกมาประณามความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินในกาซ่า
นับตั้งแต่เมื่อศาลโลกมีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันศุกร์ให้อิสราเอลดำเนินการต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามกับกลุ่มฮามาส กองทัพกรุงเทลอาวีฟตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหนักขึ้นให้ลดความรุนแรงของปฏิบัติการของตนในกาซ่า แม้ว่า คำตัดสินนี้จะไม่ได้มีการสั่งให้มีการหยุดยิงก็ตาม
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขกาซ่าที่บริหารงานโดยกลุ่มฮามาสรายงานในวันเสาร์ว่า มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารเพิ่มอีก 174 คนและบาดเจ็บเพิ่มอีก 310 คนในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า โดยตัวเลขสะสมของผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เมื่อความขัดแย้งครั้งนี้ประทุขึ้นในเดือนตุลาคมอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 26,257 คน และตัวเลขสะสมของผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ 64,797 คน
คืบหน้าเจรจาตัวประกัน
และในวันเสาร์เช่นกัน นายกฯ เนทันยาฮู เดินหน้ากดดันกาตาร์ให้เร่งเจรจาการปล่อยตัวประกันในกาซ่า โดยชี้ว่า ควรมีการยกแรงต่อรองให้มากขึ้น ในฐานะที่มีส่วนช่วยให้เงินสนับสนุนกลุ่มฮามาสอยู่
คำกล่าวของเนทันยาฮูมีออกมาก่อนที่จะมีการประชุมในสถานที่ที่ไม่มีการเปิดเผยระหว่างนายกรัฐมนตรีกาตาร์และหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองของอิสราเอล สหรัฐฯ และอียิปต์เกี่ยวกับข้อตกลงครั้งใหม่เพื่อปล่อยตัวประกัน ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวของรอยเตอร์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน ระบุว่า การเจรจาข้อตกลงดังกล่าวเริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว โดยอาจจะจบลงด้วยการดำเนินแผนเป็น 2 ระยะ กล่าวคือ ในเฟสแรกนั้น จะมีการหยุดยิงเพื่อเปิดทางให้มีการปล่อยตัวประกันที่เป็นสตรี ผู้สูงอายุและผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ อิสราเอลและฮามาสจะทำงานร่วมกันในระยะเวลา 30 วันเพื่อดำเนินการในเฟสสองที่จะมีการปล่อยตัวประกันที่เป็นพลเรือนผู้ชายและทหารอิสราเอลต่อไป
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
กระดานความเห็น