รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ส่งสัญญาณว่าอาจใช้มาตรการลงโทษด้านเทคโนโลยีต่อรัฐบาลกรุงมอสโก หากรัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครน อ้างอิงจากรายงานของสื่อหลายแห่ง
นักวิเคราะห์คาดว่ามาตรการลงโทษดังกล่าวจะรวมถึงการห้ามขายสินค้าไฮเทคที่มีชิ้นส่วนหรือซอฟต์แวร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ เป็นส่วนประกอบ ให้แก่รัสเซีย
แผนที่ว่านี้ถือเป็นการต่อยอดจากมาตรการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดที่แล้วนำมาใช้กับจีน ด้วยการสั่งห้ามบริษัทต่าง ๆ ขายชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์และชิปคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ หัวเหว่ย (Huawei) ของจีนเมื่อปี ค.ศ. 2020 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจของหัวเหว่ย และทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเหว่ยตกลงมาอยู่ที่อันดับ 10 ของโลกแล้วในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการลงโทษที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะนำมาใช้กับรัสเซียในกรณีที่รัสเซียบุกยูเครนนี้จะมีขอบเขตแค่ไหน หรือครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมใดบ้าง
รายงานระบุว่า รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนอาจพิจารณาใช้มาตรการภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศโดยตรงซึ่งได้รับการผลักดันในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกฎหมายดังกล่าวห้ามบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกขายชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ไฮเทคที่ผลิตหรือทดสอบโดยใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ให้แก่ผู้ที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ลงโทษ
นั่นหมายความว่า ภายใต้กฎหมายนี้ สินค้าเทคโนโลยีทุกอย่างที่ใช้ชิปคอมพิวเตอร์ก็จะได้รับผลกระทบจากมาตรการลงโทษนี้ด้วย
ทั้งนี้ ดูเหมือนสหรัฐฯ มีทางเลือกหลายอย่างในการสกัดกั้นการขายหรือถ่ายโอนเทคโนโลยีไปยังรัสเซีย เช่น การห้ามส่งออกชิ้นส่วนซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีในรัสเซียโดยตรง หรือบริษัทนอกรัสเซียที่ส่งชิ้นส่วนเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้แก่รัสเซียอีกทอดหนึ่ง
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ อาจใช้วิธีระบุอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งหรืออุตสาหกรรมใดโดยเฉพาะ เช่น ห้ามการขายเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ให้แก่สายการบิน หรืออุตสาหกรรมการบินโดยรวมของรัสเซีย หรือห้ามขายโทรศัพท์ไอโฟนให้แก่บริษัทใดก็ตามในรัสเซีย เป็นต้น