ในช่วงเวลาที่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ ได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจากการฉีดวัคซีนให้คนอเมริกันมีอัตราเฉลี่ยประมาณ 1.8 ล้านคนต่อวัน จึงมีการคาดการณ์กันว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นวันหยุดยาวเนื่องในวัน Memorial Day เพื่อเชิดชูทหารผ่านศึก คนอเมริกันจะออกมาใช้ชีวิตกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไปพบปะเพื่อนฝูง ไปร้านอาหาร เดินทาง หรือนั่งเชียร์กีฬานอกบ้าน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจจะได้พบเจอกับสิ่งใหม่ที่ไม่น่าพึงประสงค์ นั่นก็คือราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
ในภาพรวม ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนสูงขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่การระบาดของโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ หยุดชะงัก การเพิ่มขึ้นของดัชนีผู้บริโภคดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี หรือตั้งแต่ ค.ศ.1992
แต่ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น การสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันศุกร์ พบว่าอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (consumer inflation expectations) ที่วัดค่าร้อยละที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าราคาของสินค้าและบริการจะเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า พุ่งสูงถึง 4.6% ในเดือนพฤษภาคม จาก 3.4% ในเดือนเมษายน
มีการคาดการณ์กันว่าราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในฤดูร้อนของสหรัฐฯ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากอุปทาน ทั้งในด้านปริมาณสินค้าและแรงงาน ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ไม่ได้เพิ่มเท่ากันหมด ตัวอย่างที่เห็นก็คือ ในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีการลดราคาประจำปีสำหรับสินค้าชิ้นใหญ่อย่าง เครื่องซักผ้า หรือที่นอน แต่เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้น สวนทางกับสต็อคสินค้าที่มีจำกัด ราคาของสินค้าคงทน (durables) หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานเหล่านี้จึงเพิ่มสูงขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับก่อนการระบาดของโควิด-19
ในหมวดการเดินทางท่องเที่ยว ราคาตั๋วเครื่องบินขยับสูงขึ้น 10% ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน แต่ยังถือว่าต่ำกว่าราคาก่อนการระบาดของโควิด-19 ถึง 18% ซึ่งหมายความว่าตั๋วเครื่องบินในวันนี้มีราคาใกล้เคียงกับราคาเมื่อ 15 ปีก่อน ด้านราคาห้องพักสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ดัชนีค่าห้องพักของโรงแรม ที่พักริมทาง และแอร์บีแอนด์บี (airbnb) ยังคงถือว่าตำ่กว่าราคาก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ 5% ในขณะที่ราคาค่าเช่ารถ พุ่งสูงกว่าใครถึง 45%
ราคาอาหารมื้อเย็น เบียร์ ที่เพิ่มสูงขึ้น ถือว่าอยู่ในอัตราที่เทียบเท่ากับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ โดยราคาอาหารและของกินเล่นเพิ่มขึ้น 3% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบริโภคนอกบ้าน
ส่วนราคาอาหารอื่น ๆ สำหรับการทำอาหารที่บ้านเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเนื้อวัวบดราคาสูงขึ้น 7% ฮอทดอก 11% ในขณะที่ผักแพงขึ้น 2% เป็นต้น
ส่วนค่าตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ สวนสนุก หรือคอนเสิร์ต เพิ่มขึ้นเพียง 2% จากก่อนการระบาดของโควิด-19 หลังจากที่โรงละครหรือโรงภาพยนตร์บางส่วนต้องปิดตัวลงอย่างถาวร ในขณะที่โรงมหรสพใหญ่ ๆ เตรียมตัวเปิดให้บริการอีกครั้ง จึงยังมีความไม่แน่นอนว่าสถานการณ์เหล่านี้จะส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานอย่างไร
ส่วนค่าตัดผม ค่าทำเล็บ ค่าบริการเสริมสวย เพิ่มขึ้นมา 6% และแม้แต่ค่าบริการสักตามตัวก็ขยับขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการก็ตาม
