สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) กล่าวกับคณะกรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันอังคารว่า แม้มีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะสูงขึ้นภายในปีนี้ แต่ก็ไม่มากนักและยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
นายเจอโรม พาวเวลล์ ตอบคำถามต่อคณะกรรมาธิการดังกล่าว ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) เพื่อแสดงถึงภาพรวมการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการระบาดของโควิด-19 ตลอดจนประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินและการคลังที่สหรัฐฯ มีอยู่
อย่างไรก็ตาม เกิดกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจพิจารณาใช้มาตรการเพิ่มภาษีสำหรับคนรายได้สูงและบริษัทต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรอบใหม่ผ่านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคต่าง ๆ
รัฐมนตรีเยลเลน กล่าวว่า โครงการลงทุนเพื่อก่อสร้างโครงสร้างสาธารณูปโภคนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนี้เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความสามารถทางการแข่งขัน แต่ก็ต้องมาพร้อมกับการเพิ่มรายได้ของรัฐบาลเพื่อชดเชยรายจ่ายดังกล่าวด้วย
เวลานี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงหลายอย่างจากผลกระทบของโควิด-19 และอัตราเงินเฟ้อที่มาจากมาตรการอัดฉีดเงินหลายรอบในช่วงที่ผ่านมาเป็นมูลค่าราว 5 ล้านล้านดอลลาร์
และคำถามที่นักลงทุนต่างกำลังกังวลก็คือ อัตราการว่างงานในระดับสูงจะลดลงรวดเร็วแค่ไหน? ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้หรือไม่? และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะดำเนินต่อเนื่องในระยะยาวได้อย่างไร?
ปัจจุบัน อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 6.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.5% ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ หรือคิดเป็นตัวเลขคนตกงานเพิ่มขึ้นราว 9.5 ล้านคน
แต่ทางระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ เชื่อว่า การเติบโตของตลาดแรงงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงไม่เดือนข้างหน้า เมื่อประชาชนเริ่มกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และภาคธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง