ผลสำรวจความเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า นายโดนัลด์ ทรัมพ์ และนางฮิลลารี่ คลินตัน มีคะแนนนิยมนำหน้าคู่แข่งชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต อยู่พอสมควร ก่อนการเลือกตั้งขั้นต้นของรัฐต่างๆ 5 รัฐ ในวันอังคาร
ผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัย Quinnipiac ระบุว่าโดนัลด์ ทรัมพ์ มีคะแนนนิยม 46% ในรัฐฟลอริด้า ซึ่งจะมีการเลือกตั้งขั้นต้นในวันอังคารนี้ ส่วน สว.รัฐฟลอริด้า มาร์โค รูบิโอ ตามาห่างๆ ที่ 22% ส่วน สว.รัฐเท็กซัส เท็ด ครู้ซ และผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ จอห์น เคซิค ตามมาที่ 3 และ 4 ตามลำดับ
การเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐฟลอริด้าถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีจำนวนผู้แทน Delegate ถึง 99 คน ซึ่งผู้ชนะจะได้ผู้แทนทั้งหมดนี้ไปเป็นของตัวเองในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในเดือน ก.ค
ส่วนในรัฐนอร์ธ-แคโรไลน่า รัฐมิสซูรี่ และรัฐอิลลินอยส์ ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าทรัมพ์มีคะแนนนำเล็กน้อย โดยมี สว.ครู้ซ ตามมาอันดับสอง ส่วนที่รัฐโอไฮโอ คะแนนของทรัมพ์และของผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ จอห์น เคซิค ยังคงสูสีกัน
โดนัลด์ ทรัมพ์ กล่าวต่อผู้สนับสนุนตนระหว่างการรณรงค์หาเสียง ว่าเวลานี้กระแสความนิยมในตัวเขาได้กระจายไปทั่วประเทศแล้ว โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า หากโดนัลด์ ทรัมพ์ ชนะทั้ง 5 รัฐในวันอังคาร ก็แทบจะเรียกได้ว่า “นอนมา” กับตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน
อย่างไรก็ตาม เฮนรี่ โอลเซ่น แห่งศูนย์ Ethics & Public Policy ในกรุงวอชิงตันชี้ว่า หากผู้ว่าฯ เคซิค ชนะที่รัฐโอไฮโอ และคว้าจำนวน delegate ทั้งหมดที่รัฐนั้น อาจทำให้แผนกอบโกยจำนวน delegate ของทรัมพ์ สะดุดลงได้
นักวิเคราะห์ผู้นี้ชี้ว่า แม้เป็นเรื่องยากที่จะมีผู้สมัครคนไหนได้จำนวน delegate ถึง 1,237 คนก่อนโดนัลด์ ทรัมพ์ แต่หากบอกว่าทรัมพ์มีโอกาส 70% ที่จะเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ก็หมายความว่ายังเหลืออีก 30% ที่ทรัมพ์อาจจะไม่ได้ ซึ่งโอกาส 30% นั้นอยู่ที่การประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในเดือน ก.ค
ในส่วนของพรรคเดโมแครต อดีต รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี่ คลินตัน มีคะแนนนำคู่แข่งเพียงคนเดียว คือ สว.รัฐเวอร์มอนต์ เบอร์นี่ แซนเดอร์ส อยู่พอสมควรในรัฐฟลอริด้าและรัฐนอร์ธ-แคโรไลน่า แต่ทั้งคู่มีคะแนนสูสีกันในรัฐโอไฮโอ มิสซูรี่ และอิลลินอยส์ โดยสว.แซนเดอร์ส ยังคงมุ่งหาเสียงโดยเน้นขจัดปัญหาความไม่เท่าเทียมทางรายได้ และเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ที่แตกต่างจากนักการเมืองแบบเดิมๆ
การเลือกตั้งขั้นต้นในวันอังคาร มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุพิพาทที่การรณรงค์หาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมพ์ หลายจุด เมื่อผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้านทรัมพ์เกิดการด่าทอกระทบกระทั่งกัน และบางครั้งลุกลามไปเป็นการทำร้ายร่างกาย
ฝ่ายตรงข้ามกับ โดนัลด์ ทรัมพ์ วิจารณ์ว่าท่าทีและคำพูดที่โผงผางก้าวร้าวของทรัมพ์คือชนวนให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าว และอาจลุกลามไปเป็นความแตกแยกในหมู่คนอเมริกัน แต่ทรัมพ์กล่าวหากลับว่าคณะหาเสียงของ สว.แซนเดอร์สของพรรคเดโมแครต คือผู้ส่งคนมาก่อความวุ่นวายในการรณรงค์หาเสียงของตน
ด้าน สว.แซนเดอร์ส ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของทรัมพ์ และเรียกทรัมพ์ว่า “นักโกหกตลบตะแลง” ขณะที่อดีต รมต.คลินตัน บอกว่าทรัมพ์นั้นเป็น “นักวางเพลิงทางการเมือง”
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงจากห้องข่าววีโอเอ)