ราคาน้ำมันดิบโลกปีที่แล้วลดลงมากสุดในรอบ 6 ปี หลังจากปิดตลาดวันที่ 31 ธ.ค โดยราคาน้ำมันดิบ Brent Crude Oil ลดลงเฉลี่ย 45% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบโลกเริ่มลดลงตั้งแต่เดือน มิ.ย จากระดับกว่า 100 ดอลล่าร์/บาร์เรล ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 57 ดอลล่าร์ 30 เซนต์/บาร์เรล เมื่อปิดตลาดวันสิ้นปี
นักวิเคราะห์ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกลดลง เป็นเพราะความต้องการน้ำมันโลกลดลงจากหลายปัจจัย เช่นการที่สหรัฐฯ และแคนาดาเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการขุดเจาะน้ำมัน ทำให้ขุดได้ลึกกว่าเดิม ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำในของสหรัฐฯสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
ประกอบกับการที่เศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่นและยุโรป ชะลอตัวลง ทำให้ปริมาณความต้องการน้ำมันทั่วโลกลดลงผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบโลกจะลดลงต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปี ถึงกระนั้นคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้อีกหลายเดือนด้วยกัน
ข่าวดีรับปีใหม่อีกอย่างหนึ่งของคนอเมริกัน คือวันที่ 1 ม.ค นี้เป็นวันแรกที่กฏหมายเพิ่มอัตราค่าแรงขั้นต่ำในหลายรัฐของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้คนอเมริกันวัยทำงานราว 2.5 ล้านคน ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น
ในสหรัฐฯ ค่าแรงขั้นต่ำกำหนดไว้ที่ ชม.ละ 7.25 ดอลล่าร์ หรือราว 232 บาท/ชม. แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา 20 รัฐในจำนวน 50 รัฐ รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ได้ผ่านกฏหมายเพิ่มอัตราค่าแรงขั้นต่ำ เป็น ชม.ละ 8 ดอลล่าร์โดยเฉลี่ย หรือเท่ากับปีละ 16,640 ดอลล่าร์
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอเมริกา เพิ่มขึ้นอีก 1,500 ล้านดอลล่าร์ต่อปี ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลง จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เศรษฐกิจอเมริกันเติบโตในปีใหม่นี้
รายงานจาก Jing Daily และ WSJ / เรียบเรียงโดยทรงพจน์ สุภาผล