ชัยชนะจากการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในหลายรัฐ เมื่อวันอังคารที่ 26 เมษายน ทำให้ทั้งฮิลลารี่ คลินตัน และโดนัลด์ ทรัมพ์ ก้าวเข้าใกล้ความฝันของการเป็นตัวแทนพรรคมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายโดนัลด์ ทรัมพ์ ยังสลัดคู่แข่งอีกสองคนไม่พ้น เพราะทั้งวุฒิสมาชิกเท็ด ครู้ซ จากรัฐเท็กซัส กับนายจอห์น เคซิค ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอต่างก็หวังว่าการทำให้นายโดนัลด์ ทรัมพ์ ไม่สามารถได้เสียงจาก Delegates หรือผู้แทนพรรคจากรัฐต่างๆ ได้เกินครึ่ง คือ 1,237 เสียงนั้น จะทำให้ต้องมีการลงคะแนนรอบสองในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับริกัน
และผู้แทนพรรคหรือ Delegates เหล่านี้ สามารถเปลี่ยนใจไปลงคะแนนให้กับใครก็ได้ตามกฎของพรรค
ในส่วนของนางฮิลลารี่ คลินตัน ซึ่งได้คะแนนจากผู้แทนพรรคเดโมแครตมากกว่า และมีความหวังมากกว่าวุฒิสมาชิกเบอร์นี่ แซนเดอร์ส ก็กำลังพยายามเรียกคะแนนจากผู้สนับสนุนวุฒิสมาชิกแซนเดอร์ส ด้วยการประกาศว่า การทำงานร่วมกันจะช่วยแก้ปัญหาอิทธิพลของเงินจากกลุ่มผลประโยชน์ และเรื่องความไม่ทัดเทียมด้านรายได้ ซึ่งเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงของฝ่ายวุฒิสมาชิกเบอร์นี่ แซนเดอร์สได้
อาจารย์เจมส์ เทอร์เบอร์ นักรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัย American University เชื่อว่า มีโอกาสที่วุฒิสมาชิกแซนเดอร์ส คู่แข่งของนางฮิลลารี่ คลินตัน จะโอนอ่อนเข้าหา และพยายามทำให้นางฮิลลารี่ คลินตัน ปรับแนวนโยบายให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตนรณรงค์อยู่
แต่เรื่องนี้จะยากกว่าสำหรับนายโดนัลด์ ทรัมพ์ จากการที่เขาได้เคยพูดเชิงนโยบายและกล่าวโจมตีคนกลุ่มต่างๆ เช่น ผู้หญิง คนเชื้อสายละติน และชาวมุสลิมมาก่อน
ขณะนี้ถึงแม้ผลการสำรวจจะแสดงว่า หากทั้งสองคนได้เป็นตัวแทนพรรค นางฮิลลารี่ คลินตัน มีโอกาสชนะการเลือกตั้งนายโดนัลด์ ทรัมพ์ ด้วยคะแนนราว 9%
แต่นายโดนัลด์ ทรัมพ์ไม่ยอมรับ เพราะขณะนี้เขาได้คะแนน Popular Votes หรือเสียงจากสมาชิกพรรครีพับริกันผู้มาลงคะแนนในกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรค มากกว่าที่นายมิตท์ รอมนีย์ เคยได้ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของเมื่อสี่ปีที่แล้วเสียอีก