มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมพ์ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าสหรัฐฯ กำลังเสียเปรียบและอ่อนแอลง ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่ใช้มาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
โดนัลด์ ทรัมพ์ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ ซึ่งกำลังมีคะแนนนิยมนำหน้าผู้สมัครคนอื่นๆ กล่าวว่าเวลานี้สหรัฐฯ มีโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงที่ผุกร่อนและล้าสมัย ซึ่งจะทำให้อเมริกาไม่สามารถทำหน้าที่เป็น 'ตำรวจโลก' ได้อีกต่อไป รวมถึงอนุสัญญาเจนีวา ที่ทำให้ทหารอเมริกันเกรงกลัวที่จะเข้าสู่สนามรบ
โดนัลด์ ทรัมพ์ ระบุว่าองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ ซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีแล้วนั้น ล้าสมัยและไม่ทันเหตุการณ์ เช่นการที่ยังพูดถึงสหภาพโซเวียตซึ่งไม่มีอีกต่อไปแล้ว ทรัมพ์ชี้ว่าจำเป็นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์การนาโต้เสียใหม่ เพื่อให้คุ้มค่ากับงบประมาณค่าใช้จ่ายมหาศาลที่สหรัฐฯ ให้กับนาโต้
นักวิเคราะห์ด้านนโยบายต่างประเทศแห่งสถาบัน Broookings ธอมมัส ไรท์ ชี้ว่า ความเห็นของโดนัลด์ ทรัมพ์ ที่ว่าสหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณมากเกินไปสำหรับการรักษาความปลอดภัยให้แก่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้นั้น ไม่ใช่ความเห็นทั่วไปที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติด้านต่างประเทศที่มหาเศรษฐีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้เก็บมานานหลายสิบปี
นักวิเคราะห์ผู้นี้ชี้ว่า ทรัมพ์ไม่ค่อยชอบใจนักกับการสานสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง นอกจากนี้เขายังไม่สนับสนุนการจัดทำข้อตกลงการค้าต่างๆ ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเหล่านั้นในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ แต่ดูเหมือนทรัมพ์ต้องการยกระดับความสัมพันธ์กับอดีตมหาอำนาจอย่างรัสเซียมากกว่า
ซึ่งนั่นจะก่อให้เกิดการปฏิวัติด้านนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ในกรุงวอชิงตัน หาก โดนัลด์ ทรัมพ์ ได้เป็นประธานาธิบดี
สำหรับประเด็นด้านนิวเคลียร์ ดูเหมือนทรัมพ์จะเชื่อว่านั่นเป็นวิธีหนึ่งในการตอบโต้ศัตรูในทุกสถานการณ์ โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ MSNBC เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วขณะกำลังมีการประชุมเกี่ยวกับการยับยั้งการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ในกรุงวอชิงตันว่า ทางเลือกหนึ่งของตนในการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามให้ราบคาบ คือการใช้จรวดนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และซาอุดิอาระเบีย พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ ในการป้องกันประเทศ
ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมพ์ เคยระบุว่า สว.เจฟ เซสชั่นส์ คือหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของตน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อคณะผู้ทำงานในด้านนี้ออกมา นั่นทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า กลุ่มผู้ทรงอำนาจในพรรครีพับลิกันอาจไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอด้านนโยบายต่างประเทศของทรัมพ์
ธอมมัส ไรท์ แห่งสถาบัน Broookings เชื่อว่าบรรดาผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกัน ต่างตกใจและต่อต้านนโยบายต่างประเทศของ โดนัลด์ ทรัมพ์ ทำให้ขณะนี้ดูเหมือนทรัมพ์กำลังถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง
และเชื่อว่าหากทรัมพ์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีจริง แนวนโยบายต่างประเทศที่โดดเดี่ยวของมหาเศรษฐีผู้นี้ อาจบั่นทอนสถานะความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ!
(ผู้สื่อข่าว Cindy Saine รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)