รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์บอกกับสหรัฐฯ ว่ารัฐบาลกรุงมะนิลายึดมั่นในพันธะที่จะเป็นมิตรกับอเมริกาในระยะยาว แต่จะไม่ยอมให้ใครมาสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน
แต่โฆษกทำเนียบขาว Josh Earnest ตอบกลับวันเดียวกันว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
นอกจากนั้นรัฐมนตรี Perfecto Yasay ของฟิลิปปินส์กล่าวว่า จะไม่ยอมให้ฟิลิปปินส์ถูกปฏิบัติราวกับเป็น “น้องของสหรัฐฯ” ในเอเชีย
รัฐมนตรี Yasay มีถ้อยแถลงดังกล่าวที่สถาบันวิจัยด้านนโยบาย Center for Strategic and International Studis ในกรุงวอชิงตัน เขาเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศให้เกียรติซึ่งกันและกัน
คำกล่าวนี้มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ความสัมพันธ์ของฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ สั่นคลอน เมื่อประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ของฟิลิปปินส์ เตือนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่าอย่ามาตั้งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมในฟิลิปปินส์
ในคำกล่าวครั้งนั้น ประธานาธิบดี Duterte ใช้คำหยาบที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “son of a bitch” หรือ “son of a whore” หลังจากนั้นรัฐบาลอเมริกันยกเลิกการนัดหมายกับผู้นำฟิลิปปินส์ที่การประชุมสุดยอด ASEAN ที่ประเทศลาว แต่ต่อมาผู้นำทั้งสองประเทศทักกันอย่างไม่เป็นทางการนอกรอบของการประชุม
รัฐมนตรี Yasay กล่าวว่า ตนขอให้เพื่อนชาวอเมริกันและผู้นำอเมริกัน มองถึงความมุ่งมั่นของฟิลิปปินส์ และเสริมว่าไม่เห็นด้วยถ้าประเทศใดบอกว่าจะมาช่วยฟิลิปปินส์ และทำตัวเสมือน "พี่ใหญ่" คอยสอนเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องสิทธิมนุษยชน
เจ้ากระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์บอกด้วยว่า ผู้นำของตนต้องการรักษาสถานะพันธมิตรกับอเมริกา รวมถึงกับประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ครั้งหนึ่งฟิลิปปินส์เคยเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ และปัจจุบันความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองเปิดทางให้สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงฐานทัพในฟิลิปปินส์ห้าแห่ง
รัฐมนตรี Yasay บอกว่าฟิลิปปินส์ต้องการรักษาความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับสหรัฐฯ แต่ไม่ต้องการเข้าร่วมการซ้อมลาดตระเวนกับอเมริกาในน่านน้ำของทะเลจีนใต้ ที่มีกรณีความขัดแย้งกับจีน อย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
ที่อเมริกาและฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนักในช่วงที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลังจากมีเสียงวิจารณ์ถึงการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดของฟิลิปปินส์ ที่รุนแรงภายใต้นโยบายของประธานาธิบดี Rodrigo Duterte
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 21 สิงหาคม ตำรวจฟิลิปปินส์นำตัวผู้ต้องสงสัย 10,153 คน มาอยู่ในความควบคุมเพื่อสอบปากคำ และมีผู้เข้ามอบตัวมากกว่าหกแสนคน ขณะเดียวกันบ้านเรือน 40,000 แห่งทั่วประเทศถูกตำรวจค้น
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของฟิลิปปินส์ Ronald Dela Rosa เคยกล่าวว่า ปฏิบัติการปราบปรามของตำรวจทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 718 คน และยังมีผู้ถูกสังหารโดยขบวนการผิดกฎหมายที่โยงใยกับยาเสพติดกว่าหนึ่งพันคน
หน่วยงาน UNODC ด้านยาเสพติดของสหประชาชาติ กล่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากมาตรการของเจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์สร้างความกังวลอย่างมาก และเจ้าหน้าที่สหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนเคยเรียกร้องให้รัฐบาลฟิลิปปินส์และตำรวจยุติการทำวิสามัญฆาตกรรม
Human Rights Watch ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวว่ารู้สึกตระหนกเมื่อเห็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดของตำรวจฟิลิปปินส์ เพราะตำรวจไม่ได้ทำตามแนวทางการปฏิบัติขั้นพื้นฐาน เช่น ออกหมายจับ หรือหมายค้นตามที่ควรจะเป็น แต่ฝ่ายตำรวจฟิลิปปินส์โต้กลับข้อกล่าวหานี้ว่า เจ้าหน้าที่ที่ทำเกินกว่าเหตุจะถูกตรวจสอบ
(รายงานโดย Ken Bredemeier ห้องข่าววีโอเอ / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)