Larry Korb นักวิเคราะห์ของ Center for American Progress ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาทางด้านนโยบายต่างประเทศให้กับประธานาธิบดี Obama ให้ความเห็นว่า ประธานาธิบดี Obama ตระหนักดีว่า สหรัฐจะต้องมีความเข้มแข็งภายในประเทศ ก่อนที่จะมีความเข้มแข็งในเวทีโลกได้ และเห็นได้ว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ถนนหนทางกำลังเสื่อมโทรม ซึ่งจะต้องจัดการหาเงินทุนและซ่อมแซมแก้ไข
เพราะแม้ว่าประธานาธิบดี Obama จะสามารถกล่าวถึงความสำเร็จทางด้านนโยบายต่างประเทศ เช่น ข้อตกลงกับจีนที่จะจำกัดการปล่อยแก๊สคาร์บอนออกสู่บรรยากาศห่อหุ้มโลก และการส่งทหารและความช่วยเหลือไปรณรงค์ต่อต้านโรคระบาด Ebola ในแอฟริกา รวมทั้งปัญหาการต่อต้านการก่อการร้ายและการรักษาความมั่นคงทางอินเทอร์เน็ตได้ก็ตาม
ความเป็นจริงมีอยู่ว่า คะแนนนิยมที่คนอเมริกันให้เพื่อแสดงความเห็นชอบในการทำงานของประธานาธิบดี ที่เวลานี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Obama ได้ออกตระเวณกล่าวปราศัย เปิดเผยข้อเสนอต่างๆ ที่มุ่งจะส่งเสริมความเป็นอยู่ของชนชั้นกลางในประเทศ
ข้อเสนอสำคัญ คือการเพิ่มอัตราภาษีเงินได้ที่จัดเก็บกับผู้มีรายได้สูง ในขณะที่เพิ่มเครดิตภาษีให้กับครอบครัวคนชั้นกลางที่มีลูกเล็ก และเปิดโอกาสให้คนอเมริกันได้เข้ารับการศึกษาในวิทยาลัยชุมชน ซึ่งเป็นวิทยาลัยสองปีที่ให้อนุปริญญา และประกาศนียบัตรสำหรับการฝึกอบรมวิชาชีพสาขาต่างๆ โดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
สมาชิกรัฐสภาบางรายของพรรค republican ซึ่งคุมเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน