ก่อนการเดินทางเยือนเมียนมาร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการลงโทษทางการเงินต่อรัฐวิสาหกิจเจ็ดแห่ง และธนาคารของรัฐบาลเมียนมาร์อีกสามแห่ง
รัฐวิสาหกิจบางแห่งซึ่งถูกปลดออกจากบัญชีดำรายชื่อที่ห้ามค้าขายกับธุรกิจสหรัฐฯ นี้ รวมถึงบริษัทที่ขายไข่มุกและอัญมณีของเมียนมาร์ แต่คำสั่งห้ามนำเข้าหยกและทับทิม ซึ่งเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้หลักให้กับเมียนมาร์นั้น ยังคงมีอยู่ต่อไป
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการลงโทษนี้มุ่งเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ อำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างเมียนมาร์กับสหรัฐฯ และเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปทางการเมืองด้วย
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงมีมาตรการที่มุ่งลงโทษบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขัดขวางการปฏิรูปทางการเมือง และส่งเสริมการค้าทางทหารกับเกาหลีเหนือเป็นการเฉพาะอยู่ โดยเฉพาะมาตรการลงโทษต่อกองทัพ เพราะสหรัฐฯ เห็นว่ากองทัพเมียนมาร์นั้นยังมีบทบาทเข้าควบคุมทางเศรษฐกิจมากเกินไป
และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่มชื่ออีกหกบริษัทในบัญชีรายชื่อห้ามติดต่อทำธุรกิจกับสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่าบัญชี SDN เพราะบริษัทเหล่านี้มีนาย Steven Law นักธุรกิจผู้ใกล้ชิดกับกองทัพเมียนมาร์ถือครองหุ้นอยู่อย่างน้อย 50 % ด้วย