บรรดาผู้ใช้รถยนต์ชาวอเมริกันในรัฐทางภาคคะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ต่างต่อคิวยาวตามสถานีจ่ายน้ำมันต่าง ๆ เพื่อรอเติมน้ำมันในวันพุธ สืบเนื่องจากกระแสความกังวลว่าน้ำมันอาจขาดตลาดเนื่องจากเหตุการณ์กลุ่มแฮกเกอร์โจมตีเครือข่ายท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ทำให้ต้องปิดการส่งน้ำมันมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประชาชนจำนวนมากนำถังเปล่ามาใส่น้ำมันไปกักตุนไว้ แม้ว่าเมื่อวันอังคาร รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ขอให้ประชาชนอย่ากักตุนน้ำมันเพราะจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง รวมทั้งเตือนให้อย่าใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำมันด้วย หลังจากที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ว่าเห็นคนทำเช่นนั้นที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในช่วงบ่ายวันพุธ ทางบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ (Colonial Pipeline) เจ้าของเครือข่ายท่อส่งน้ำมันที่ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ หรือซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ กล่าวว่า สามารถกลับมาเปิดใช้ท่อส่งน้ำมันได้อีกครั้งภายในวันพุธนี้ตามเวลาในสหรัฐฯ
สถานีจ่ายน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่งในนครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ไม่มีน้ำมันสำหรับลูกค้า รวมทั้งมากกว่า 70% ของปั๊มน้ำมันในเมืองแชร์ล็อตต์ รัฐนอร์ธแคโรไลนา และเมืองเพนซาโคลา รัฐฟลอริดา อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บไซต์ GasBuddy
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั่วประเทศในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในวันพุธ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี ตามรายงานของสมาคมรถยนต์อเมริกัน
บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ขนส่งน้ำมันและเชื้อเพลิงต่าง ๆ ราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นในแถบอ่าวเม็กซิโกไปยังรัฐต่าง ๆ ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ผ่านเครือข่ายท่อขนส่งน้ำมันความยาว 8,850 กม. โดยปริมาณน้ำมันราวครึ่งหนึ่งในแถบภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ถูกขนส่งผ่านเครือข่ายของบริษัทนี้
สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ FBI ยืนยันว่า กลุ่มแฮกเกอร์ ดาร์กไซด์ (DarkSide) ในรัสเซีย อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้ ขณะเดียวกัน สถานทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ มีคำแถลงปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ กับการโจมตีทางไซเบอร์ดังกล่าว
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์เรียกร้องค่าไถ่เป็นจำนวนเงินเท่าใด และทางบริษัทโคโลเนียลยังไม่ระบุว่าได้ยินยอมจ่ายเงินค่าไถ่ตามที่กลุ่มแฮกเกอร์เรียกร้องหรือไม่
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐฯ อเลฮานโดร มายอร์คาส กล่าวว่า กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิจะทำหน้าที่ตอบสนองต่อการโจมตีครั้งนี้ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีไบเดน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนและภาคธุรกิจต่าง ๆ ประสบอยู่