ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาววันพุธ หลังทราบผลการเลือกตั้งกลางเทอมแล้ว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความยินดีกับตัวเองที่สามารถครองวุฒิสภาเอาไว้ได้และมีที่นั่งเพิ่มขึ้น โดยกล่าวว่าเป็นชัยชนะของตัวเอง ถึงแม้ว่าผลจะปรากฏว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตกเป็นของพรรคเดโมแครตก็ตาม
ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้กล่าวซ้ำเติม ส.ส.พรรครีพับลิกัน ซึ่งถอยห่างจากตนเองและแพ้การเลือกตั้ง รวมทั้งได้โจมตีสื่อมวลชนว่ารายงานข่าวปลอมด้วย
และในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่ามีโอกาสทำงานร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในสภาชุดใหม่ก็ตาม แต่ก็ขู่ว่าหากมีการตรวจสอบจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต เรื่องนี้ก็เหมือนกับการ "ประกาศสงคราม" และจะมีการตรวจสอบกลับเช่นกัน
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส.ส. แนนซี่ เพโลซี ผู้เคยเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มาก่อน และคาดว่าอาจได้กลับมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ได้ยืนยันว่า ตามรัฐธรรมนูญแล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งสภาผู้แทนในสมัยหน้าก็จะทำหน้าที่นี้อย่างจริงจัง
และก็อาจจะรวมถึงการตรวจสอบเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องการจ่ายภาษี การเงินธุรกิจ รวมทั้งเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าฝ่ายหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเกี่ยวพันกับรัสเซีย เป็นต้น
นักวิเคราะห์เชื่อว่า โอกาสที่จะมีการผลักดันกฎหมายที่สำคัญในอีกสองปีต่อไปนี้คงเกิดขึ้นยาก เนื่องจากว่าสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการออกหมายเรียกเอกสารข้อมูลต่างๆ รวมทั้งบุคคลมาให้การและหน่วยงานต่างๆ ของฝ่ายบริหารอาจต้องรับมือกับการตรวจสอบตามหน้าที่นี้อย่างเข้มข้น
เชื่อว่าพรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้งในสภาล่างครั้งนี้จากเสียงสนับสนุนของชนกลุ่มน้อย จากคนหนุ่มสาว จากคนในเขตเมืองใหญ่และเขตชานเมือง ซึ่งไม่พอใจสไตล์ นโยบาย หรือท่าทีที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีทรัมป์
โดยความนิยมในตัวประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลดน้อยถอยลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา และ Exit Poll ของ CNN แสดงว่า 55% ของคนอเมริกันไม่ยอมรับผลงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่ 44% ยอมรับ
และอีก 56 % ของคนอเมริกันเชื่อว่าประเทศกำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่มี 41% คิดว่าประเทศเดินทางไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว