ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวในสุนทรพจน์ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติในนครนิวยอร์กว่า จีนกำลังแทรกแซงการเมืองอเมริกันในการเลือกตั้งรัฐสภาสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนนี้
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่พบว่าจีนพยายามที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปี ค.ศ. 2018 นี้ โดยมีเป้าหมายต่อต้านรัฐบาลของตน
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวต่อไปว่า จีนไม่ต้องการให้ฝ่ายตนชนะการเลือกตั้ง เพราะตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ท้าทายจีนเรื่องการค้า และสหรัฐฯ จะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้
ไม่นานหลังจากถ้อยแถลงของโดนัลด์ ทรัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน หวาง ยี่ ปฏิเสธคำกล่าวหาของผู้นำสหรัฐฯ โดยกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งทำตามหลักการการไม่แทรกแซงประเทศอื่น
เขากล่าวด้วยว่าการกล่าวหาของประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่มีมูล
ที่ผ่านมา ประเทศที่ตกเป็นเป้าของการกล่าวหาว่าแทรกแซงการเมืองอเมริกัน คือ รัสเซีย โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ภายใต้อัยการพิเศษโรเบิร์ต มูลเลอร์ กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่
จีนเคยตกเป็นข่าวเมื่อ 3 ปีก่อน ที่รัฐบาลปักกิ่งถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการเจาะล้วงข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน 4 ล้านราย ที่สมัครงานผ่านระบบของรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนี้จีนเคยถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติการขโมยข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทอเมริกันมาเป็นเวลายาวนานหลายปี
ประธานาธิบดีทรัมป์ เขียนทวีตวันพุธว่า จีนลงข้อมูลโฆษณาชวนเชื่อผ่านพื้นที่โฆษณาหนังสือพิมพ์ Des Moines Register ของสหรัฐฯ และหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ ด้วย โดยทำให้เนื้อหาข้อมูลเป็นเหมือนบทความข่าว
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนทำเช่นนั้นเพราะสหรัฐฯ กำลังเป็นฝ่ายได้ชัยชนะในสงครามการค้า และเกษตรกรอเมริกันจะได้ประโยชน์มหาศาล เมื่อความขัดแย้งนี้จบลง
ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีต่อสินค้าจีนรอบใหม่มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ และจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีต่อสินค้าอเมริกันมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะนี้ราคาสินค้าเกษตรของสำคัญของสหรัฐฯ ลดลง ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เพราะผู้ซื้อสินค้าอเมริกันในจีนมองหาผู้ขายรายใหม่ในประเทศอื่นแทน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวหาจีนว่าพยายามโน้มน้าวใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในสหรัฐฯ และมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่เคยสนับสนุนตนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 2 ปีก่อน
ในวันอังคาร ที่การประชุมด้านความมั่นคงปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต นายแดน โคตส์ (Dan Coats) ผู้อำนวยการหน่วยงานข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนมีศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้นด้านปฏิบัติการบนไซเบอร์ และพัฒนาการดังกล่าวเป็นภายคุกคามที่อันตรายมากยิ่งขึ้นต่อสหรัฐฯ
เขากล่าวด้วยว่า จีนอาจเป็นภัยคุกคามที่อันตรายกว่ารัสเซีย เพราะปฏิบัติการของจีนทำอย่างเป็นระบบ แยบยลและวางแผนมาอย่างดี จนทำให้จีนสามารถกรุยทางเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกได้
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Patsy Widakuswara)
