ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเจ้าภาพต้อนรับ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิ๊บ ราซัค ที่ทำเนียบขาวในวันอังคาร โดยมีประเด็นสำคัญเรื่องการลงทุนของมาเลเซียในสหรัฐฯ และการต่อด้านการก่อการร้าย
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในวันอังคาร ภายหลังพบหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิ๊บ ราซัค ที่ทำเนียบขาว โดยบอกว่าตนและนายกฯ ราซัค กำลังร่วมมือกันจัดทำข้อตกลงการค้ามูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการจัดซื้อเครื่องบินโดยสารจากบริษัท Boeing และเครื่องยนต์ของเครื่องบินไอพ่นจากบริษัท General Electric
นายกฯ ราซัค กล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สายการบิน Malaysia Airlines ของทางการมาเลเซีย จะจัดซื้อเครื่องบิน Boeing 737 Max จำนวน 25 ลำ และเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ขณะที่สายการบิน Air Asia อาจสั่งซื้อเครื่องยนต์ของ General Electric
นอกจากนี้ มาเลเซียได้ลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่าราว 7,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านกองทุนเงินบำนาญของรัฐบาลมาเลเซีย
นายกฯ นาจิ๊บ ราซัค กล่าวด้วยว่า มาเลเซียยึดมั่นในภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งกลุ่มอัลไคยด้า และกลุ่มรัฐอิสลาม และมาเลเซียจะทำหน้าที่ในส่วนของมาเลเซียให้ดีที่สุด
ผู้นำมาเลเซียเน้นย้ำว่า กุญแจสำคัญที่จะทำให้สหรัฐฯ ชนะใจประชาชนในโลกมุสลิมได้ก็คือการสนับสนุนรัฐบาลมุสลิมทั่วโลกที่มีแนวทางสายกลางและหัวก้าวหน้า เช่น มาเลเซีย เพราะประเทศเหล่านั้นคือภาพของอิสลามที่แท้จริง
นายกฯ มาเลเซีย เดินทางเยือนสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวบางคนกำลังถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตรวจสอบเรื่องการคอร์รัปชั่นและการฟอกเงินที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกมาจากกองทุนเพื่อการลงทุน 1MDB ของรัฐบาลมาเลเซีย
โดยเมื่อเดือน มิ.ย. กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกรณีกองทุน 1MDB รวมถึง ภาพวาดของจิตรกรปิกัสโซ่ ที่มอบให้กับดาราหนุ่มชื่อดัง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และสร้อยเพชรมูลค่า 27 ล้านดอลลาร์ของนางรอสมาห์ แมนซอร์ ภรรยาของนายนาจิ้บ ราซัค
ก่อนการเยือนทำเนียบขาว นายกฯ ราซัค ได้แสดงความขุ่นเคืองต่อการรายงานข่าวของสื่อในสหรัฐฯ ที่ว่ารัฐบาลมาเลเซียกำลังกลายเป็นรัฐบาลเผด็จการ โดยผู้นำมาเลเซียกล่าวหานักวิจารณ์และฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ว่าพยายามป้ายสีรัฐบาลของตนด้วยการให้ข้อมูลผิดๆ กับสื่อต่างชาติ เพื่ออาศัยประโยชน์ทางการเมือง
ก่อนหน้านี้ องค์การสนับสนุนเสรีภาพสื่อ Freedom House จัดให้มาเลเซียอยู่ในกลุ่มประเทศที่สื่อมวลชนมีเสรีภาพแค่บางส่วน ขณะที่องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters without Border) บอกว่า ยังคงมีการคุกคามผู้สื่อข่าวในมาเลเซีย ผ่านกฎหมายที่เรียกว่า Sedition Act
สำหรับการเยือนสหรัฐฯ ของนายกฯ นาจิ๊บ ราซัค ครั้งนี้ คุณโจชัว เคอร์แลนท์ซิค นักวิเคราะห์จาก Council for Foreign Relations ระบุว่าไม่น่าประหลาดใจที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำมาเลเซีย เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการสร้างพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งเพื่อคานอำนาจจีน หาแนวร่วมในเรื่องทะเลจีนใต้ และต่อต้านการก่อการร้าย
และว่าที่ผ่านมา รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พร้อมจะมองข้ามประวัติด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือประเด็นทางการเมืองในประเทศนั้น เพื่อตอบสนองนโยบายของสหรัฐฯ มากกว่า
(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)