ระหว่างที่ทั่วโลกกำลังหวาดกลัวกับการทดสอบขีปนาวุธ และการครอบครองนิวเคลียร์อานุภาพร้ายแรงอยู่นั้น สุนทรพจน์ถึงกลุ่มนักศึกษาชาวรัสเซียในเมือง Yaroslavl เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ทำเอากูรูด้านเทคโนโลยีและนักวิเคราะห์การเมืองถึงกับนั่งไม่ติด จากประโยคที่ว่า “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ไม่เพียงแต่เป็นอนาคตของรัสเซีย แต่ยังเป็นอนาคตของมวลมนุษยชาติ และประเทศใดที่เป็นผู้นำในศาสตร์นี้ จะกลายเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแท้จริง”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ออกมาเตือนถึง การแข่งขันด้านอาวุธระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จุดจบ และเริ่มเบนเข็มไปยังโลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ
พลโท Vincent Stewart ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองทางการทหารสหรัฐฯ หรือ DIA บอกกับผู้สื่อข่าว VOA ว่า 2 ชาติมหาอำนาจนี้ต้องการสร้างอาวุธที่เคลื่อนไหวได้และมีกระบวนการคิดด้วยตัวเอง ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้ง 2 ชาติกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีอื่นๆ อยู่
ทว่า นักวิเคราะห์ต่างให้น้ำหนักกับสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีปูติน ที่ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชน ในความสนใจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นพิเศษ
Frank Ciluffo ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์และความมั่นคงมาตุภูมิ George Washington University มองว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ผู้นำประเทศจะพูดถึงเรื่องนี้ และนี่เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนของปูติน ที่สหรัฐฯต้องให้ความสนใจและพ่ายแพ้ไม่ได้
David Kennedy อดีตเจ้าหน้าที่ด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือ NSA บอกว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเกมกลยุทธ์ด้านสงคราม ซึ่งมหาอำนาจไม่ได้สนใจว่าใครมีขีปนาวุธมากกว่ากันอีกแล้ว แต่จะตัดสินกันจากเทคโนโลยีทางการทหารที่มีในมือของแต่ละชาติว่าใครสามารถตอบโต้การรุกรานได้รวดเร็วและมีโอกาสได้รับชัยชนะมากกว่า
จริงอยู่ที่ตอนนี้สหรัฐฯพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีควอนตัมได้เร็วกว่ารัสเซียอยู่ 1 ก้าว แต่ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ และ อดีตเจ้าหน้าที่ด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของ NSA ได้เตือนว่า ชาติมหาอำนาจอื่นๆ ก็หาทางที่จะพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้เป็นรูปธรรมเช่นเดียวกัน
อย่าประมาทรัสเซียที่มีงบประมาณมหาศาลที่พร้อมทุ่มไม่อั้น และสามารถเร่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้ โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือศีลธรรมเหมือนที่สหรัฐฯและจีนกังวล ..ในขณะที่จีนก็มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีควอนตัมและการเข้ารหัสควอนตัม จนส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศได้เมื่อปีก่อน
นี่จึงเป็นเดิมพันที่สูงในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อให้ได้ชัยชนะก่อนชาติอื่นๆ
